Skip to main content
sharethis

มติพันธมิตรฯ ประกาศเปิดถนนราชดำเนินนอกถึง 5 ธ.ค. ยกเว้นช่วงกลางคืนเพื่อความปลอดภัย จำลองโบ้ย "สนธิ" พรมน้ำมนต์ไม่ใช่มติแกนนำ ด้านมหาเถระสมาคมชี้เป็นวิจารณญาณผู้ชุมนุม พิภพอึ้ง "ชัยอนันต์" นั่งมูลนิธิแม่สนธิ ลิ้มทองกุลควบไทยคม "พัลลภ" ลั่นทหาร-คนไทยรับไม่ได้เรื่องแปะโกเต๊กที่พระบรมรูป ร.5 "เสธ.แดง" ลั่นถ้าได้รับมอบหมายจะนำกำลังยึดทำเนียบคืน นำแกนนำไปสอบที่เกาะตะรุเตา


  


 


จับแท็กซี่อาสาพันธมิตรฯ พร้อม "ปืน-มีด"


เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 10 พ.ย. ขณะที่ ร.ต.ต.เด่น บุญอยู่ รอง สวป.สน.นางเลิ้ง พร้อมกำลังสายตรวจ 10 นาย ตั้งด่านตรวจหน้าบ้านพิษณุโลก ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ พบรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง ทะเบียน มง 7614 กรุงเทพมหานคร ขับมาจากแยกยมราชตรงมายังจุดตรวจ มีท่าทีพิรุธ จึงขอดูใบอนุญาตคนขับทราบชื่อ นายเกียรติศักดิ์ รักภู่ อายุ 35 ปี อยู่เลขที่ 87 หมู่ 8 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ค้นบริเวณข้างประตูขวาฝั่งคนขับ พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก มีดพับ 1 เล่ม ท่อนเหล็กกลมยาว 80 เซนติเมตร 1 อัน และบัตรอาสาสมัครการ์ดพันธมิตร 9 ใบ  จึงคุมตัวสอบสวนที่ สน.นางเลิ้ง


 


เบื้องต้นนายเกียรติศักดิ์ให้การปฏิเสธ อ้างว่าอาวุธที่พบเป็นของผู้โดยสารนำมาฝากเอาไว้ จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สอบสวนเพิ่มเติม ก่อนคุมตัวแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต และพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต


 


 


อีกรายวัยรุ่น "กู้ชาติ" ซ่อน.38-มีด


ส่วนอีกราย เวลา 02.05 น. ขณะที่ตำรวจร่วมกับสารวัตรทหารตั้งด่านตรวจบริเวณปากซอยลิขิต ถนนศรีอยุธยา ตรงข้ามสหกรณ์พัฒนา ฝั่งวัดเบญจมบพิตรฯ กทม. พบรถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ ดีแม็คไฮแลนเดอร์ 4 ประตู สีน้ำเงิน ทะเบียน ช 4917 กรุงเทพมหานคร มีพิรุธ ภายในรถมีชายวัยรุ่นมากันหลายคนจึงเรียกตรวจ พบนายกวียุทธ บุญทองแก้ว อายุ 33 ปี อยู่เลขที่ 5 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. เป็นคนขับ พร้อมเพื่อนในรถอีก 7 คน ค้นเบาะด้านหลังคนขับ พบอาวุธปืน .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุน 13 นัด และมีกระสุนบรรจุในลูกโม่พร้อมใช้งาน อาวุธมีด 2 เล่ม สายคาดเอว 1 เส้น ผ้าคาดศีรษะมีข้อความ "กู้ชาติ" 1 ผืน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน


 


สอบสวนทราบว่า อาวุธปืนมีทะเบียนถูกกฎหมายแต่ไม่ใช่ของนายกวียุทธ รวมทั้งไม่มีใบพกพาและใบอนุญาต จึงคุมตัวนายกวียุทธส่งพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ดำเนินคดีข้อหาพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต พกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีเพื่อนของนายกวียุทธทั้ง 7 คน ตามไปให้กำลังใจ


 


 


จี้หาที่มา 2 ผู้ต้องหาขนระเบิด


ส่วนความคืบหน้าคดี ตำรวจ สน.สามเสน จับกุมนายธนิต ขันอุไร อายุ 28 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ไม่ติดทะเบียน และนายวัฒนา กิจพิทักษ์สิน อายุ 22 ปี คนนั่งซ้อนท้าย พร้อมของกลางกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 20 จำนวน 4 นัด ระเบิดไม่ทราบชนิด 3 ลูก หนังสติ๊ก 3 อัน ลูกแก้ว 100 ลูก ระเบิดทำเอง 1 ลูก  ระเบิดปิงปอง 22 ลูก มีดพับเล็ก 1 ด้าม เสื้อคลุมสีดำด้านหลังปักคำว่า "กองทัพธรรม" 1 ตัว หัวน็อตตัวเมีย 16 ตัว หมวกแก๊ปสีดำสำหรับใส่ปิดอำพรางใบหน้า 1 ใบ และอื่นๆ จำนวนหลายรายการ บริเวณแยกสวนรื่นฤดี ถนนราชสีมา เขตดุสิต กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ได้กำชับ พ.ต.อ.ศารทูล ประดิษฐ์ ผกก.สน.สามเสน ให้สอบสวนเชิงลึกถึงที่มาของของกลางต่างๆ นำมาจากที่ไหน จากใคร ให้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีจริงหรือไม่ ซึ่งตำรวจสันติบาลมาประสานให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วย


 


 


ส่งตัวฝากขังศาลค้านประกันทั้งคู่


พ.ต.อ.ศารทูลกล่าวว่า นำผู้ต้องหาส่งศาลพร้อมคัดค้านการประกันตัว เพราะหากปล่อยตัวอาจก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง จากการตรวจสอบประวัติพบทั้ง 2 คน มีประวัติพัวพันยาเสพติด โดยนายวัฒนาอ้างว่าไปซื้อยาเสพติดจากวินรถจักรยานยนต์หน้ากองทัพภาคที่ 1 และให้ฝ่ายสืบสวน ไปตรวจสอบบ้านของผู้ต้องหาทั้ง 2 เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว ส่วนประวัติที่ตรวจสอบพบว่านายวัฒนาเคยถูกจับกุมข้อหาทำร้ายร่างกายที่ สภ.เมือง ภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม เสียค่าปรับ 500 บาท ด้านนายธนิตเคยถูกจับข้อหาครอบครองยาเสพติดที่ สน.บางซื่อ ถูกศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี พ้นโทษวันที่ 25 ธันวาคม 2542


 


"ส่วนที่ยังเป็นการ์ดพันธมิตรหรือไม่นั้น แม้ทางเวทีพันธมิตรจะประกาศว่าถูกขับไล่ออกไปแล้ว แต่จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาเมื่อนำของกลางไปส่งเสร็จแล้วจะกลับไปที่ กลุ่มพันธมิตรเช่นเดิม" ผกก.สน.สามเสนกล่าว


 


 


สางปมชื่อ "เสธ.บอย" ในมือถือ


รายงานงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวนนำโทรศัพท์มือถือของ 2 คน ไปตรวจสอบหาข้อมูลการใช้โทรศัพท์อย่างละเอียด โดยในโทรศัพท์ของนายวัฒนนั้นมีชื่อ "เสธ.บอย" อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเป็นใคร มีที่มาอย่างไร


 


ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ภูเก็ต ว่า นายสมพร กิจพิทักษ์สัน บิดานายวัฒนา ผู้ต้องหาคดีครอบครองวัตถุระเบิด ซึ่งเป็นนักธุรกิจประกอบการเรือนำเที่ยว ร่มและเตียงผ้าใบชายหาดป่าตอง พร้อมด้วยญาติพี่น้อง ได้เดินทางจาก จ.ภูเก็ตเพื่อขอยื่นประกันตัวลูกชาย ทั้งนี้ นายวัฒนาเคยเรียนหนังสืออยู่ที่สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครแต่ เรียนไม่จบ กลับไปเป็นลูกจ้างของเทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จากนั้นเข้าร่วมกับกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ตและร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล


 


 


สันติบาล-ข่าวกรองชี้ป่วนหลัง 16 พ.ย.


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รายงานข่าวจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล แจ้งว่า จากการประสานงานกับหน่วยข่าวของกองบัญชาการตำรวจนครบาลและหน่วยข่าวกรองระบุ ตรงกันว่า จะมีกลุ่มคนลักลอบนำอาวุธสงครามโดยเฉพาะวัตถุระเบิดชนิดขว้างทั้งแบบผลิตเอง และลักลอบนำเข้ามาจากแนวชายแดน เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมก่อเหตุร้าย โดยกลุ่มคนดังกล่าวกำหนดห้วงเวลาดำเนินการไว้ในวันที่ 16 พฤศจิกายน หลังงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เสร็จสิ้น เพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรง จากนั้นจะใช้การกดดันทางการเมือง เพื่อให้รัฐบาลรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงแจ้งให้หน่วยงานทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อเร่งสกัดการนำอาวุธและ วัตถุระเบิดเข้ามากรุงเทพฯอย่างเร่งด่วนแล้ว


 


 


"มหา" ปัดบึ้ม-แท็กซี่ซุกปืนนอกพื้นที่


วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร ร่วมแถลงข่าวกรณีการ์ดพันธมิตรถูกจับเนื่องจากพกอาวุธ และวัตถุระเบิดจำนวนมาก โดย พล.ต.จำลองกล่าวย้ำว่า บุคคลดังกล่าวไล่ออกไป 10 กว่าวันแล้ว เนื่องจากชอบใช้ความรุนแรง ช่วงแรกการรับการ์ดอาสาอาจจะไม่รัดกุมเพียงพอ แต่ภายหลังได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น และเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงเรื่องบัตรที่ทำปลอมได้ง่าย ส่วนเหตุระเบิด 2 จุด ที่แยกนางเลิ้งและหน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม รวมถึงการจับกุมแท็กซี่พกอาวุธปืนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นการ์ดพันธมิตร เมื่อคืนที่ผ่านมา พล.ต.จำลองปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่า "อยู่นอกพื้นที่ควบคุมพันธมิตร"


 


 



สนธิพรมน้ำมนต์ปัดรังควานเมื่อ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่มา: มติชนออนไลน์


 


จำลองโบ้ย "สนธิ" พรมน้ำมนต์ไม่ใช่มติแกนนำ


พล.ต.จำลองกล่าวถึงงานวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้า พี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ว่า งานวันดังกล่าว ผู้ชุมนุมคงไม่ไปร่วมที่สนามหลวง แต่จะจัดกิจกรรมของตัวเองบนเวที และจะรณรงค์ให้ผู้ชุมนุมใส่ชุดดำให้มากที่สุด


 


ส่วนเสียงวิจารณ์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรอีกคนพูดถึงไสยศาสตร์บนเวทีนั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า นายสนธิชี้แจงแล้วว่าเหตุการณ์ที่ลานพระรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5 นายสนธิไม่ใช่คนทำเอง เพียงแต่ได้ยินแล้วนำมาเล่าให้ฟัง ส่วนกรณีที่นายสนธิแต่งชุดขาวและพรมน้ำมนต์ปัดรังควานสิ่งชั่วร้ายภายใน ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเป็นความเห็นส่วนตัวนายสนธิ ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์ เพราะน้ำมนต์ก็นำมาจากพระ และแกนนำพันธมิตรไม่ใช่มีมติว่าจะใช้ไสยศาสตร์


 


 


อึ้ง "ชัยอนันต์" นั่งมูลนิธิแม่สนธิ ลิ้มควบไทยคม


นายพิภพยังกล่าวถึงกรณีที่นายชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยคนสนิทนายสนธิ เป็นกรรมการในมูลนิธิไชย้ง ลิ้มทองกุล และมูลนิธิไทยคมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ก่อตั้งในขณะเดียวกันว่า เรื่องนี้ต้องไปถาม นายชัยอนันต์เองว่า จะแสดงความชัดเจนอย่างไร เมื่อถามว่า พันธมิตรเรียกร้องให้ประชาชนเลือกข้างจะเอาระบบทักษิณหรือไม่ แต่คนใกล้ตัวกลับไม่รู้ไม่เห็น นายพิภพกล่าวเบี่ยงว่า คนใกล้ตัวมีหลายคนที่ไม่ได้เลือกข้าง "กรณีนายชัยอนันต์ ผมก็ไม่จำเป็นต้องไปคาดคั้นแก เพราะเป็นคนอาวุโส มีสติปัญญา มีความคิด ถ้าจะใช้หลักการนี้ มีหวังผมต้องไปเรียกร้องกับอีกหลายคนเลย"


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิไชย้ง ลิ้มทองกุล ก่อตั้งเมื่อปี 2535 ใช้ชื่อมารดาของนายสนธิเป็นชื่อมูลนิธิ มีนายชัยอนันต์เป็นผู้จดทะเบียน ขณะที่มูลนิธิไทยคม ก่อตั้งเมื่อปี 2536 เป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ จดทะเบียนโดยนายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการมูลนิธิชุดแรกมี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นรองประธาน ปัจจุบันตั้งอยู่ ณ ที่ทำการพรรคไทยรักไทยเดิม บนถนนราชวิถี


 


 


เพิ่งเปิด "ราชดำเนิน" แต่กำหนดเวลา


เวลา 18.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตร แถลงถึงการประชุมแกนนำพันธมิตรว่า แกนนำมีมติที่จะรื้อเต๊นท์ของกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณริมถนนราชดำเนิน เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ฝั่งกระทรวงศึกษาธิการให้เหลือไว้เพียงเต๊นท์ต่างๆ บริเวณฟุตปาธฝั่งทำเนียบรัฐบาล เพื่อเปิดถนนราชดำเนิน แม้จะมีการเปลี่ยนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินแล้วก็ตาม เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ส่งเสด็จในพระราชพิธีพระ ราชทานเพลิงพระศพฯ ในวันที่ 14-19 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ส่วนช่วงกลางคืนจะปิดถนนไว้เพื่อรักษาความปลอดภัย สำหรับการปราศรัยบนเวทีนั้นจะลดเนื้อหาเรื่องการเมืองลง และจะงดการปราศรัยบางวัน แต่จะเพิ่มพระราชกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ให้มากขึ้น


 


 


สุริยะใสซัดตำรวจจับมือสันติบาลใส่ร้ายการ์ด


นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีการ์ดพันธมิตรที่ช่วงหลังมีปัญหาบ่อยครั้งนั้นแกนนำได้ประสานตำรวจ และหากประชาชนพบเห็นการ์ดพันธมิตรพกพาอาวุธออกนอกสถานที่ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที เพราะไม่มีนโยบายจะให้พกพาอาวุธในพื้นที่ชุมนุมและนอกสถานที่ชุมนุม ล่าสุด ทราบว่าตำรวจท้องที่และสันติบาลกำลังสมคบคิดกันเพื่อที่จะใส่ร้ายกลุ่ม พันธมิตรและสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ชุมนุม โดยการซื้อการ์ดพันธมิตรบางคน เพื่อซื้อข่าวและขายข่าว จึงสั่งให้ระมัดระวังมากขึ้น


 


ด้านนายกิติชัย ใสสะอาด หัวหน้าการ์ดพันธมิตร กล่าวว่า ได้จัดทำรายชื่อพร้อมประวัติการ์ดพันธมิตร 500 คน และมีการตรวจอาวุธเข้มข้นทุกวัน หากใครมีพฤติกรรมผิดปกติทั้งในและนอกสถานที่ชุมนุมจะให้ออกนอกพื้นที่และออก จากการเป็นการ์ดทันที


 


 


ประกาศเปิด ถ.ราชดำเนินนอก ถึง 5 ธันวาคม


สำหรับแถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 14 ประกาศเปิดเส้นทางถนนราชดำเนินนอก ถึง 5 ธันวาคม 2551 มีรายละเอียดดังนี้


 






ประกาศพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 14/2551 "เปิดเส้นทางถนนราชดำเนินนอก ถึง 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551"


      


ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกประกาศฉบับที่ 13/2551 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เพื่อแจ้งให้ทราบว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีความพร้อมที่จะเปิดเส้นทางถนนราชดำเนิน นอก ทั้ง 6 ช่องทางในระหว่างวันที่ 14 - 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 แม้ว่าจะได้ถูกคุกคามและทำร้ายผู้ชุมนุมด้วยอาวุธสงครามจนมีประชาชนได้รับ บาดเจ็บมาโดยตลอดก็ตาม แต่หากได้รับทราบว่าจะมีขบวนเสด็จพระราชดำเนินผ่านถนนราชดำเนินนอกเมื่อใดก็ จะเปิดเส้นทางดังกล่าวโดยทันที ตามที่ได้เคยเปิดเส้นทางดังกล่าวในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นวันปิยะมหาราชมาแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ทราบว่าได้มีการเปลี่ยนเส้นทางเสด็จพระ ราชดำเนินนอกมาเป็นถนนหลานหลวงแทนแล้ว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้แจ้งให้พี่น้องประชาชนได้ทราบโดยทั่ว กันตามประกาศดังกล่าวข้างต้น


 


แม้ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะได้รับแจ้งให้ทราบว่าได้มี การเปลี่ยนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินแล้ว และแม้ว่าการชุมนุมยังคงถูกคุกคามและถูกทำร้ายด้วยอาวุธสงครามโดยปราศจากการ ดูแลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตาม แต่เพื่อยืนหยัดเจตนารมณ์ในการถวายความจงรักภักดีในช่วงเวลาดังกล่าว แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 และได้มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้รื้อสิ่งกีดขวางออกจากถนนราชดำเนินนอกออก จาก 10 ช่องการจราจร และทางเดินเท้าทั้งหมด โดยจะไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆทั้งสิ้น ในระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ถึง วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551 โดยให้เริ่มทำการรื้อสิ่งกีดขวางทั้งหมดภายหลังจากที่มีมติที่ประชุมในทันที


 


จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ได้เข้าร่วมกิจกรรมถวายความจงรักภักดี ในการรื้อสิ่งกีดขวางการจราจรและทำความสะอาดให้กับเส้นทางดังกล่าวอย่าง พร้อมเพรียงกัน


 


ประกาศ ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551


พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


 


 


 


"พัลลภ" ซัดพธม.เลอะเทอะลบหลู่


พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อน จปร.7 ได้หารือและล็อบบี้ให้ตนไปช่วย พล.ต.จำลอง จึงหารือกับเพื่อนว่าการเมืองใหม่ที่เสนอมาจะเข้าสู่อำนาจรัฐได้อย่างไร ถ้าไม่มีอำนาจรัฐก็ไม่สามารถไปได้ เมื่อไม่มีปฏิวัติรัฐประหาร รัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่มีใครตอบได้ ทุกคนนิ่งหมด จึงบอกไปว่ากลุ่มพันธมิตรวันนี้เริ่มเลอะเทอะ เอาไสยศาสตร์ คาถาอาคมเข้ามาเล่น โดยเฉพาะการเอาผ้าอนามัยมาถูที่พระบรมรูปทรงม้า รับไม่ได้ เพราะประชาชนทั้งประเทศสักการะพระบรมรูปโดยเฉพาะผู้ที่จบ จปร.ถือว่าเป็นพระบิดา


 


เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรจะยุติบทบาทลงอย่างไร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ต้องยุติด้วยข้อกฎหมาย เพราะวันนี้ที่อ้างมามันไม่ใช่ เช่น อ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับไปยึดทำเนียบรัฐบาลและสร้างบังเกอร์ เป็นภาพที่ไม่ดีต่อประเทศ ยิ่งกว่าสงครามเวียดนามเสียอีก คนที่มาเที่ยวก็ไม่อยากจะมา คนก็ไม่อยากมาลงทุน


 


"วันนี้กลุ่มพันธมิตรพยายามอ้างสถาบันมาโดยตลอด ซึ่งทหารเคยมีคำขวัญที่ว่าอย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน รวมถึงการปิดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ไหนว่าจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องนี้ประชาชนโดยทั่วไปรับไม่ได้"


 


 


แบะท่าพร้อมนั่งรองนายกฯ มั่นคง


พล.อ.พัลลภกล่าวว่า บทบาทของทหารในขณะนี้อยู่ในสภาวะลำบาก เพราะปฏิวัติที่ผ่านมาและประสบความล้มเหลว ทำให้ทหารระวังตัวมาก ทหารเองก็คิดว่าทุกคนพร้อมอยากเห็นบ้านเมืองสันติสุข แต่อยู่ในสภาวะที่ทำอะไรไม่ได้ ผบ.เหล่าทัพทุกคนเป็นคนดีใช้ได้ แต่ถูกเรียกร้องจากกลุ่มพันธมิตรให้ทหารทำการปฏิวัติ ซึ่งมีทั้งชม และด่า ทั้งนี้ เรื่องการปฏิวัติทหารจะไม่ทำ และน่าเห็นใจ ผบ.เหล่าทัพ ที่ถูกกดดัน เมื่อถามว่า หากรัฐบาลทาบทามให้นั่งรองนายกฯด้านความมั่นคงจะรับหรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า จะดูว่าถ้าเข้าไปแล้วสามารถช่วยแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้ก็จะเข้าไป ทั้งนี้ ไม่ได้อยู่ข้างกลุ่มพันธมิตรแล้ว


 


 


กอ.รมน.ดึงมวลชนนับพันป้องสถาบัน


วันเดียวกัน เวลา 12.00 น. ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นประธานกล่าวมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติด้านมวลชนแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม โครงการเสริมสร้างความสามัคคีเพื่อความมั่นคง สร้างความรักสามัคคีของคนในชาติ ปกป้อง และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งมีมวลชนจากสมาคมนักจัดรายการข่าว วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ และมวลชนของ กอ.รมน.รวม 1,000 คน เข้าร่วม


 


พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งใจความว่า ประชาชนทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสบายพระทัย ไม่ว่าจะเชื้อชาติศาสนาใด ปัญหาภัยคุกคามขณะนี้มีมาก ทั้งปัญหายาเสพติด และก่อการร้าย ไม่ใช่จะให้ทหารหรือตำรวจทำงานอย่างเดียว เรื่องปัญหาความมั่นคงจะแก้ได้ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงใช้มาตรการเด็ดขาดได้ แต่วัฒนธรรมไทยรับไม่ได้ถ้ามีบาดเจ็บ


 


"เราไม่คิดว่าจะมีวันนี้ คือ วันที่เราจะต้องมาปวดหัว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่ทั้งทหาร และตำรวจ แต่บางทีเราพูดไม่ได้ และมาว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ความจริงดำเนินการมาตลอด"


 


 


ปลุกช่วยกันให้พระองค์สบายพระทัย


"ความจงรักภักดีคืออะไร ไม่มีคำจำกัดความ เพราะอยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน เราทุกคนต้องช่วยกันทำ เราทุกคนมีหัวใจดวงเดียว คือ รักพระองค์ท่าน เราต้องอธิบายให้คนเข้าใจถึงความจงรักภักดี คำว่าจงรักภักดีไม่ต้องอธิบายว่าต้องทำอย่างไร ต้องไปจับคนที่ด่าทุกวัน บางทีไม่ต้องไปหาว่าทำอย่างไร จะต้องไปจับคนที่ด่าทุกวันหรือไม่ หรือต้องไปฆ่าทิ้ง คงไม่ใช่คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราต้องใช้กฎหมายดำเนินการ เราต้องทำให้พระองค์ท่านทรงสบายพระทัย ทำให้ท่านหมดห่วงเสียทีว่า เราไปด้วยกันได้"


 


พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า อย่ามาคาดหวังกับทหาร แต่ไม่ใช่เราจะไม่รับผิดชอบ แต่ทุกคนต้องช่วยกันหาทางแก้ปัญหากันให้ได้ ไม่มีฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ การแก้ปัญหามีระบบอยู่ ถ้าไม่เข้าในระบบ ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ทหารพร้อมจะดูแล เป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน


 


 


นำโครงสร้างกอ.รมน.ใหม่เข้าครม.


"ทุกคนอยากให้บ้านเมืองสงบ ตราบใดที่เราไม่ใช้กฎหมายดูแลบ้านเมือง ก็เหมือนกับเป็นโจร เหมือนกับกรุงเบรุต ประเทศอิสราเอล (พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะหมายถึงประเทศเลบานอน) ที่มีการแบ่งฝั่งกั้นถนนเป็น 2 ฝ่าย ยิงกันเลยท่านเอาหรือไม่ ถ้าท่านไม่ต้องการ ท่านก็ต้องอธิบายให้คนทั้งสองฝ่ายเข้าใจ ไม่ใช่มานั่งด่าตำรวจ ถ้าเป็นอย่างนี้คงไม่มีใครแก้ปัญหาให้ อยากเห็นทุกคนมีน้ำใจให้กัน เลิกทะเลาะกันเสียที มีจุดหมายเดียวกัน ต้องการให้บ้านเมืองปลอดภัย อยากให้ช่วยกันทำให้พระองค์ท่านชื่นชม เพราะทรงเหน็ดเหนื่อยมาพอสมควรแล้ว"


 


พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับ กอ.รมน.นั้น มีโครงการสร้างที่บูรณาการจากทุกส่วนงาน เพื่อดูแลทุกปัญหาด้านความมั่นคง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.รมน. มี ผบ.ทบ.เป็นรอง ผอ.รมน. และมีเสนาธิการทหารบกเป็นเลขานุการ กอ.รมน. ซึ่งมีการช่วยกันทำงานทั้งพลเรือน ตำรวจทหาร ซึ่งโครงสร้าง กอ.รมน.ใหม่จะเข้าคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 11 พฤศจิกายน


 


 


ให้ กอ.รมน. 50 เขตแจ้งคนทำผิดกม.


จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ต้องการให้มวลชน กอ.รมน.ใน 50 เขตของกรุงเทพฯไปแจ้งไปเตือนกับผู้ที่ทำไม่ถูกกฎหมายให้หยุดและเลิก ส่วนผู้ที่ทำความผิดชัดเจนก็นำไปดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรไม่ยอมเปิดถนนราชดำเนินให้เป็นเส้นทางเสด็จฯในงานพระราชพิธี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาอยู่ อยู่ระหว่างการพูดคุย เมื่อถามว่ารู้สึกอึดอัดหรือไม่ที่ถูกสังคมกดดันให้กองทัพออกมาแก้วิกฤตบ้าน เมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่บางอย่างพูดไม่ได้ หากใช้คำว่ากดดันคงไม่ถูก เพราะเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ


 


 


เผยตำรวจสอบกรณีผ้าอนามัยแปะพระบรมรูปทรงม้าแล้ว


เมื่อถามถึงกรณีนายสนธิระบุว่า ได้นำผ้าอนามัยวางที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นการหมิ่นสถาบันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ตำรวจ แจ้งความอยู่แล้ว ขณะนี้กำลังสอบสวนอยู่ หากมีความผิดจริงต้องดำเนินการ ในสังคมเป็นเรื่องที่ทุกคนในชาติต้องปฏิบัติ เมื่อถามว่ายังมีกลุ่มพยายามดึงสถาบันมายุ่งเกี่ยวการเมืองมากหรือน้อย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีส่วนน้อยที่ดำเนินการอยู่ จะว่ามากหรือน้อยคงไม่ได้ แต่ต้องดำเนินการให้เลิก ส่วนการเอาผิดกับผู้หมิ่นสถาบันจะทำเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำทุกกลุ่มหากใครทำผิดต้องรับผิด ไม่แบ่งเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง ส่วนพันธมิตรยังมีความชอบธรรมชุมนุมหรือไม่ให้สังคมไทยตัดสิน


 


 


มหาเถรสมาคมชี้ผู้ถือศีลเท่านั้นพรมน้ำมนต์ได้


นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงนายสนธินุ่งขาวห่มขาว พรมน้ำมนต์ว่า การประพรมน้ำมนต์นั้น นอกจากพระสงฆ์แล้ว ผู้ที่จะทำได้ต้องเป็นผู้ที่ถือศีล มีความบริสุทธ์ น่านับถือ และน่าเลื่อมใสเท่านั้น ถึงจะมีความเหมาะสม


 


พระธรรมกิตติเมธี โฆษก มส. กล่าวว่า เท่าที่เห็นในสังคมไทย ส่วนใหญ่ผู้ที่จะประกอบพิธีประพรมน้ำมนต์ ควรจะเป็นพระสงฆ์ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชน หรือในบางครั้งจะเป็นพราหมณ์ รวมทั้งเป็นผู้ที่รักษาศีลอย่างเคร่งครัดเท่านั้น ส่วนความเหมาะสมที่นายสนธิประพรมน้ำมนต์นั้น ขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณของกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย


 


 


"เสธ.แดง" ขู่นำทหารยึดทำเนียบ นำแกนนำไปสอบที่เกาะตะรุเตา


ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 พ.ย. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก กล่าวถึงกองทัพบกตั้งกรรมการสอบสวนหลังเข้าไปมีส่วนในการฝึกอบรมนักรบพระเจ้าตาก ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ขณะนี้ว่า เพิ่งทราบว่าถูกตั้งกรรมการสอบ ทั้งนี้ ยังไม่มีหนังสือหรือเรียกตนให้ไปสอบถามข้อเท็จจริง แต่ก็พร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง และทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ทั้งนี้ ทราบมาว่าพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. จะแต่งตั้งให้ตนเป็นคณะที่ปรึกษา เพื่อทำงานในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)


 


"หากแต่งตั้งจริง ผมจะดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯด้วยการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติความมั่นคง เพราะเป็นเรื่องภัยความมั่นคง ซึ่งพ.ร.บ.ดังกล่าวรุนแรงกว่ากฎหมายอาญา เพราะสามารถควบคุมตัวผู้กระทำผิดได้ 6 เดือน ขณะที่กฎหมายอาญาได้เพียง 48 ชั่วโมง สิ่งแรกที่จะทำ คือ นำกำลังทหารเข้าจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ แล้วนำไปสอบสวนที่เกาะตะรุเตา และจัดการกับการ์ดพันธมิตรที่มีการพกอาวุธปืนทันที เพราะพวกมันไม่มีสิทธิที่จะพกปืน"พล.ต.ขัตติยะ กล่าว


 


พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯหมดความชอบธรรมแล้ว ด้วยเหตุผลดังนี้ คือ 1.ใช้อำนาจอะไรขออนุญาตพกปืน 2.ยึดทำเนียบรัฐบาลมากว่า 3 เดือน 3.ด่าคนของสถาบันถึง 3 คน คือ นายอาสา สารสิน นายสุเมธ ตันติเวชกุล และนายดิสธร วัชโรทัย นอกจากนี้ ยังออกมาพูดนำโกเต๊กไปวางที่ฐานพระบรมรูปทรงม้า และสำนักพระราชวังต้องออกมาแถลงเปลี่ยนเส้นทางเสด็จฯ กลุ่มพันธมิตรฯเอาอำนาจอะไรมาทำ ทหารตำรวจเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ไม่มีปัญญาที่จะดำเนินการ ทำให้รัฐบาลต้องหนีไปทำงานอยู่ดอนเมือง ดูขีดความสามารถกองทัพตอนนี้แล้วประชาชนเกิดความกังขา ผู้นำกองทัพไม่เด็ดขาด มารักษารูปมวยอยู่ไม่ได้


 


 


ถาม จปร. ไม่รู้สึกเรื่อง "โกเต๊ก" หรือ


"เรื่องโกเต๊ก ทหาร จปร.ไม่มีความรู้สึกเลยหรือไง ปล่อยให้สนธิมาพูดอยู่อย่างนี้ กองทัพเป็นอะไรไปแล้ว ไม่มีใครรู้สึกเลย ทุกคนต้องตอบคำถามให้ได้ ไม่เช่นนั้นเวลาเกษียณไปแล้วเหมือนหมา อายไปทั่วปฐพี ไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง มีอย่างที่ไหนปล่อยให้คนอย่างนี้มาพูด กองทัพยุคนี้เป็นอะไร ปล่อยให้คนเอาในหลวงรัชกาลที่ 5 มาพูดเช่นนี้ ที่ออกทีวีขู่นายกฯให้ลาออก พอคนมาพูดอย่างนี้กลับไม่ทำอะไรเลย" พล.ต.ขัตติยะกล่าว


 


พล.ต.ขัตติยะ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เมื่อคืนวันที่ 8 พ.ย.นายสนธิ ลิ้มทองกุล ท้าให้ เสธ.แดง มาหาได้ทุกเมื่อ ตนอยากบอกว่าเสธ.แดงเป็นนายพลเป็นพระยาจะไปพบพ่อค้าได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ พ่อค้าต้องมาหาคนที่เป็นพระยา ไม่ใช่ให้ไปหา"


 


พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ขณะนี้กองทัพบกตั้งกรรมการสอบพล.ต.ขัตติยะ แล้ว โดยมีพล.ท.พิรุณ แผ้วพาลสง ผู้ช่วยเสธ.ฝ่ายกำลังพล เป็นประธานสอบ อย่างไรก็ตาม คงไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะเป็นเรื่องที่จะรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบตามลำดับ คาดว่าคณะกรรมการคงจะเรียก พล.ต.ขัตติยะ มาสอบถามในระยะใกล้นี้


 


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ และหนังสือพิมพ์ข่าวสด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net