ทหารไทยปฏิเสธถูกกัมพูชาจับ แจง "เมื่อคืนยังดื่มกาแฟและดูทีวีด้วยกันอยู่เลย"

 

ชาวกัมพูชากำลังอพยพออกจากพื้นที่ชายแดน ภาพถ่ายเมื่อ 16 ต.ค. 51
(ที่มา: Adrees Latif/Reuters)

 

ทหารไทยประจำการที่ชายแดน เบื้องหน้าคือกระสุนปืนใหญ่ 105 มิลลิเมตร
(ที่มา
: REUTERS/Chaiwat Subprasom)

 

 

สองฝ่ายเจรจา 5 ชั่วโมง ไม่คืบ ไม่ถอนกำลัง แต่ตกลงลาดตระเวนร่วม

ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของไทยและกัมพูชาสิ้นสุดการเจรจาที่ห้องประชุมศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งกินเวลากว่า 5 ชั่วโมงแล้ววานนี้ (16 ต.ค.) โดยไม่มีการตกลงว่าจะถอนกำลังออกจากบริเวณพิพาท หลังจากเกิดการปะทะใกล้ๆ กับเขาพระวิหาร ซึ่งทำให้ทหารกัมพูชา 2 นายเสียชีวิต

 

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย กล่าวว่า ไม่มีความคืบหน้า กองทัพของทั้งสองฝ่ายไม่มีการถอนกำลัง เขากล่าวต่อไปว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะลาดตระเวนร่วมกันในพื้นที่พิพาท

 

"ปัญหาการปะทะกันเนื่องจากลาดตระเวนมาพบกันและไม่มีการพูดจากัน ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างระดับผู้ปฏิบัติงาน ส่วนผู้บังคับบัญชาระดับสูงมีความเข้าใจกันดี จากนี้ไปเชื่อว่าปัญหาจะไม่เกิดขึ้นอีก โดยตกลงกันในระดับผู้บังคับบัญชาว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะควบคุมดูแลกำลังพลให้อยู่ในความเรียบร้อย โดยผมจะเอาข้อเสนอของกัมพูชาเข้าประชุมอาร์บีซีระดับภูมิภาค ในวันที่ 21 ตุลาคม ที่ จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา" พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์กล่าว

 

รอยเตอร์กล่าวว่า เหตุการณ์การปะทะกันด้วยปืนและจรวดนานกว่า 40 นาทีนี้ถือเป็นการปะทะกันครั้งใหญ่ในรอบหลายปีของสองเพื่อนบ้านเจ้าอารมณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

 

ชาวกัมพูชาชายแดนเริ่มใช้ชีวิตปกติ แต่จำนวนมากอพยพ

ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานเหตุการณ์ว่า ชีวิตที่วัดใกล้กับปราสาทพระวิหาร สมรภูมิที่ห่างจากกรุงเทพ 600 กิโลเมตรกลับเข้าสู่สภาพปกติอีกครั้งหนึ่ง เด็กวิ่งเล่นบนลานดินในขณะที่พ่อแม่กำลังหุงหาอาหารและกำลังทำความสะอาด

 

อย่างไรก็ตาม เอพีรายงานว่าชาวบ้านกัมพูชาหลายพันคนที่อาศัยใกล้ปราสาทเขาพระวิหารได้พากันละทิ้งบ้านเรือนด้วยความกลัวเหตุรุนแรง ครอบครัวต่างรวบรวมข้าวของ เสื้อผ้า สัตว์เลี้ยงขึ้นรถยนต์ รถบรรทุก รถอีแต๋น เคลื่อนกันเป็นคาราวานยาวออกจากเขตพรมแดน

 

 

ทหารไทยปฏิเสธถูกจับกุม ยันมีอิสระ และมาทำหน้าที่ประสานงาน

ส่วนทหารไทย 10 นาย ที่รัฐบาลกัมพูชาอ้างว่าถูกจับกุม ยังคงมีอิสระและปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกควบคุมตัวเหมือนเชลย

 

"เมื่อคืนพวกเรา (ทหารไทยและทหารกัมพูชา) ยังดื่มกาแฟและดูทีวีด้วยกันอยู่เลย" ร.อ.อภิชาติ ภูพวกกล่าวกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ทางโทรศัพท์

 

ร.อ.อภิชาติ กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในทีมทหารประสานงานของไทย 13 นาย ที่ประจำการอยู่บนวันแก้วศิขาคีรีสวาระ มาได้ 3 เดือนแล้ว ทำหน้าที่ประสานงานกับทหารกัมพูชา และงานวิทยุสื่อสาร เมื่อเกิดเหตุยิงกันที่ภูมะเขือ และมีการยิงลามเป็นแนวไปหมด รวมทั้งยิงขึ้นมาบนวัดซึ่งตนประจำการอยู่ จึงไปเจรจากับหัวหน้าชุดของทหารกัมพูชาว่าขอให้หยุดยิง

 

 "เราไม่ได้ถูกปลดอาวุธ เขาไม่ได้ทำอะไรเราเลย เราไปเจรจากันดีๆ เขาบอกเราว่าอยู่ในวัดห้ามพกอาวุธได้ไหม ผมก็ตกลง ผมไม่รู้ว่าทำไมข่าวที่ออกไปถึงบอกว่าผมโดนจี้ ทั้งที่ผมเป็นอิสระ ไม่ได้ถูกควบคุมตัว ไม่มีนักข่าวมาคุยกับผม มีแต่มาถ่ายรูปเท่านั้น อาวุธทุกชนิดของเราอยู่กับเราทั้งหมด ภาพที่ออกไปมีผมโบกมือ มันเป็นการโบกมือเพื่อห้ามยิงไม่ใช่มอบตัว เขาให้เกียรติเราดี หาน้ำหากาแฟให้ดื่ม ยังดูข่าวจากทีวีด้วยกัน ไม่มีการทำร้ายหรือจี้ใดๆ ทั้งสิ้น เห็นข่าวที่ออกไปผมงงมาก หลังหยุดยิงมีทหารไทยบาดเจ็บ ฝ่ายกัมพูชายังช่วยขนคนเจ็บลงไปด้วย" ร.อ.อภิชาติกล่าว และว่า ขณะนี้ทหารไทยที่อยู่ในวัดเหลืออยู่แค่ 11 นาย เพราะเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ทหาร 2 นายป่วยกลับลงไปแล้ว

 

โดยมติชน รายงานคำพูดของแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า ที่มีข่าวว่าทหารไทยถูกกัมพูชาควบคุมตัว 10 นายนั้นไม่เป็นความจริง ภายหลังการประชุมร่วมกัน ตนได้สำรวจบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระร่วมกับ พล.ท.เจีย มอน ของกัมพูชาก็ไม่พบว่ามีการควบคุมตัวทหารไทย กำลังพลยังอยู่ครบ

 

 

สองรัฐบาลพยายามใช้การเจรจา

ปราสาทบนยอดเขาพระวิหารได้สร้างกระแสชาตินิยมรุนแรงต่อทั้งสองประเทศ มาหลายชั่วอายุคนแล้ว แต่รัฐบาลของทั้งสองประเทศก็พยายามลดกระแสนั้นลงนับตั้งแต่มีการปะทะกัน

 

นายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กล่าวว่า "นโยบายของเราคือคลี่คลายความขัดแย้งผ่านการเจรจา"

 

ด้านนายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซ็นของกัมพูชายังไม่ไม่ให้สัมภาษณ์ ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชานายฮอร์ นัม ฮง เรียกร้องให้สองประเทศเจรจากัน และกล่าวว่าการปะทะเป็นเรื่องของทหารและระบุว่า "ไม่ใช่การรุกรานจากไทย"

 

 

แต่ตามท้องถนนในพนมเปญ ผู้คนกำลังโกรธ

"เราต้องปกป้องดินแดนของเรา เราต้องไม่แพ้ไทย" นายบุญเรือน พนักงานรักษาความปลอดภัย ชาวกัมพูชาวัย 36 ปี กล่าวพร้อมเคาะไปที่หนังสือพิมพ์ที่นำเสนอข่าวการปะทะกัน "ถ้าไทยพยายามข้ามเข้ามาในดินแดนของเรา ผมพร้อมที่จะเข้าร่วมกับกองทัพต่อสู้กับพวกเขา"

 

ด้านนายเจีย โสเกียน คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง วัย 48 ปี กล่าวว่า ทุกคนจะต้องปกป้องบ้านของตัวเอง หากทหารไทยต้องการที่จะขโมยบ้านของเราไป เราต้องขับไล่พวกเขาออกไป ส่วนนายยศ กัน วัย 48 ปี บอกว่า เราคงไม่สามารถยืนมองทหารไทยเอาดินแดนของเราไปได้

 

 

หนังสือพิมพ์กัมพูชาพาดหัว "พร้อมพลีชีพ"

ขณะที่บรรดาหนังสือพิมพ์ในกัมพูชาต่างรายงานตรงกันว่า ไทยเป็นฝ่ายรุกรานกัมพูชาก่อน โดยบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์กัมปูเจีย ทเมย (นิว กัมพูชา) พาดหัวว่า "พร้อมพลีชีพ" ส่วนหนังสือพิมพ์รัศมี กัมปูเจีย หนังสือพิมพ์ที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในกัมพูชา พาดหัวข่าวหน้า 1 มีการลงโฆษณาของรัฐบาลกัมพูชาไว้หน้า 1 เรียกร้องให้ชาวกัมพูชาอย่าไปแตะต้องธุรกิจของคนไทยและคนไทยที่อยู่ในกรุง พนมเปญ

 

การเผชิญหน้าเกิดขึ้นในขณะที่ไทยกำลังประสบภาวะการเมืองไร้เสถียรภาพและเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยมีผู้ประท้วงยืดเยื้อในกรุงเทพที่เรียกร้องให้กองทัพทำรัฐประหารเพื่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

 

 

อดีตทูตตั้งปมเบี่ยงเบนประเด็นการเมืองไทย สหรัฐ-ยูเอ็นเรียกร้องเจรจา

"เป็นเรื่องยากที่คาดได้ว่ากัมพูชาจะได้ประโยชน์อย่างไรจากการทำสงครามกับไทย" โทนี เควิน (Tony Kevin) อดีตทูตออสเตรเลียประจำกรุงพนมเปญกล่าว

 

"แต่ถ้าคุณพิจารณาที่ความตึงเครียดและภาวะแตกแยกของการเมืองไทย นี่เป็นเรื่องง่ายที่จะมองว่าสงครามกับกัมพูชาจะช่วยเบี่ยงเบนประเด็นได้อย่างไร" เขากล่าว

 

เขาพระวิหารที่ตั้งอยู่บนเนินลาดชัน ใจกลางป่า อยู่ทางเหนือของกัมพูชา แต่มีทางหลักที่สามารถขึ้นไปยังตัวปราสาทได้ทางเดียวจากฝั่งไทย

 

ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินให้เป็นของกัมพูชาในปี 1962 ซึ่งสร้างความคับแค้นใจแก่ไทยนับแต่บัดนั้นมา แต่ศาลไม่ได้ตัดสินว่าใครจะเป็นเจ้าของพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทฮินดูดังกล่าว ซึ่งนักท่องเที่ยวเริ่มไปเยือนน้อยลงมาหลายเดือนแล้วนับแต่เกิดความขัดแย้ง

 

พื้นที่เล็กน้อยนั้นถูกทำให้เป็นประเด็นการเมืองในเดือนกรกฎาคมเมื่อพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชูประเด็นพิพาทดังกล่าวเพื่อโค่นล้มรัฐบาล โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลจะขายแผ่นดินไทย

 

เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในกรุงพนมเปญกล่าวว่า มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างคุมเข้ม แต่ขณะนี้ยังไม่มีผู้ชุมนุมภายนอก และมีการปฏิบัติงานตามปกติ

 

ขณะที่จีนและสหรัฐอเมริกาต่างแสดงความกังวลต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นและเตือนทั้งสองประเทศให้หักห้ามใจ

 

โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซีน แมคคอร์แมค (Sean McCormack) เีรียกร้องให้ทั้งสองประเทศระงับการใช้ความรุนแรง ส่วนเลขาธิการสหประชาชาตินายบันคีมุน (Ban Ki-moon) เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศยับยั้งความรุนแรงเช่นกัน และ

 

เอพีระบุว่ากองทัพไทยมีกำลังพลมากกว่า 300,000 นาย ใช้อาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกา ขณะที่กัมพูชามีกำลังพล 125,000 นาย มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เสียเปรียบกว่า อย่างไรก็ตามกองทัพกัมพูชามีขีดความสามารถสูงในการรบแบบกองโจร โดยมีประสบการณ์มาจากสงครามกลางเมืองที่ต้องสู้รบกับระบอบเขมรแดง

 

 

กระทรวงต่างประเทศไทยปูดพบทุนระเบิดใหม่

สำหรับความเคลื่อนไหวอื่นๆ นั้น ในวันเดียวกัน ที่กระทรวงการต่างประเทศ มีการบรรยายสรุปกับคณะทูตต่างประเทศในไทยในหัวข้อเรื่อง "การกลับมาของทุ่นระเบิดสังหารบุคคล" โดยมีผู้เข้าร่วม 63 คน เป็นเอกอัครราชทูต 25 คน อุปทูต 10 คน และผู้แทนคณะทูตอีก 28 คน ใช้เวลาบรรยายสรุปราว 1 ชั่วโมง 15 นาที

 

โดยมีการลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่เหตุการณ์ที่ทหารพรานของไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยต้องเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ การเดินทางเยือนกัมพูชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่มีการยื่น คำขาดจากนายกฯกัมพูชาให้ไทยถอนกำลังทหาร จนกระทั่งเกิดการปะทะเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา

 

เจ้าหน้าที่ไทยสรุปว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหตุการณ์เดี่ยว แต่เกิดขึ้นเป็นระยะแล้ว นอกจากนี้สภาพทุ่นระเบิดที่เก็บกู้ได้เป็นทุ่นระเบิดที่ถูกฝังไว้ใหม่ และมีการนำเอาทุ่นระเบิดใหม่กับภาพทุ่นระเบิดเก่าที่ตรวจพบในพื้นที่มาแสดง ให้ดู

 

พล.ท.ดำรงศักดิ์ ดีมงคล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ กล่าวว่า ครั้งแรกที่ได้รับรายงานว่าทหารไทยเหยียบกับระเบิด ค่อนข้างแปลกใจเพราะพื้นที่ที่ทหารไทยลาดตระเวนเก็บกู้หมดแล้ว เนื่องจากชาวบ้านก็ใช้เส้นทางดังกล่าว แต่หลังเกิดเหตุได้ตรวจพบระเบิดใหม่เพิ่ม 2 ลูก จึงทำเครื่องหมายไว้และเตรียมไปพิสูจน์ซาก แต่พอกลับไปอีกครั้งปรากฏว่าระเบิดนั้นหายไปหมด พอหาเพิ่มก็พบอีก 1 ลูก จึงให้เจ้าหน้าที่เฝ้าเอาไว้และรอเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศพร้อม กับเจ้าหน้าที่จากโครงการลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อการพัฒนาแบบยั่งยืน (มอม) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ได้รับเงินสนับสนุนจากญี่ปุ่นที่ทำงานเก็บกู้ทุ่น ระเบิดเข้าไปดู จากการพิสูจน์พบว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ชนิดพีเอ็มเอ็น-2 ผลิตในรัสเซีย ซึ่งกองทัพไทยไม่ได้ใช้

 

"ลักษณะดินข้างเคียง และจากการสอบถามผู้ประสบเหตุที่อยู่ในโรงพยาบาลสันนิษฐานได้ว่าเป็นทุ่น ระเบิดใหม่ เพราะอำนาจทำลายรุนแรง ชิ้นส่วนของขากระเด็นไปแขวนอยู่บนต้นไม้ แสดงให้เห็นว่าระเบิดทำงานเกือบ 100% ของน้ำหนักระเบิด ขณะที่หากเป็นทุ่นระเบิดเก่าอำนาจทำลายล้างจะลดลงไปกว่า 60%" พล.ท.ดำรงศักดิ์กล่าว

 

 

ผู้บริหารมอมชี้ต้องประณาม เพราะละเมิดอนุสัญญาออตตาวา

นายอมรชัย ศิริไสย์ ผู้บริหารมอม กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด พบวัตถุระเบิดกว่า 2,000 ชิ้น แต่ไม่เคยเจอทุ่นระเบิดที่ใหม่อย่างนี้ มีการปิดเชื้อปะทุที่แน่นมาก และต้องใช้อุปกรณ์ใหม่สำหรับเปิด ประเทศที่วางทุ่นระเบิดดังกล่าวถือว่าละเมิดพันธกรณีในอนุสัญญาออตตาวา เป็นเรื่องที่ต้องประณาม ซึ่งไม่ได้วางเพื่อการฆ่าทหารเท่านั้น เพราะเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้ด้วย

 

นายจักริน ฉายะพงศ์ รองอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กล่าวว่า ทุ่นระเบิดที่ถูกวางไว้ใหม่เป็นการละเมิดบทบัญญัติข้อแรกของอนุสัญญาออตตาวา ประเทศไทยกำลังพิจารณานำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของภาคีอนุสัญญาผ่าน เลขาธิการยูเอ็นเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยเราต้องมีหลักฐานเพียงพอเพื่อให้เลขาธิการยูเอ็นพิจารณาคำร้องของเรา และแจ้งคำตอบให้ทราบภายใน 28 วันหลังจากที่เราแจ้งไป ถ้าไม่ได้รับคำตอบ หรือไม่พอใจคำตอบก็อาจนำเข้าสู่ที่ประชุมภาคีอนุสัญญาเพื่อให้ส่งคณะมาสืบหา ข้อเท็จจริงในพื้นที่ต่อไป

 

 

กัมพูชาปฏิเสธ กระทรวงการต่างประเทศไทยทำหนังสือประท้วงเหตุปะทะ

เอเอฟพีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีการฝังกับระเบิดตามแนว ชายแดนไทย-กัมพูชาช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมาตามที่ฝ่ายไทยกล่าวหา หลังทหารไทย 2 นายเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังส่งบันทึกช่วยจำประท้วงอย่างรุนแรงไปยังสถานทูต กัมพูชาประจำประเทศไทยเพื่อประท้วงกรณีการปะทะกันระหว่างทหารสองฝ่ายเมื่อ วันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ต่อกรณีการปะทะกันเพิ่มเติมอีก 1 จุดที่ผามออีแดง ซึ่งทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทยโดยใช้ปืนไร้แรงสะท้อน ปืนอาร์พีจี และปืนครก ยิงใส่ทหารไทยจนทำให้ทหารไทยต้องยิงตอบโต้ จนเป็นเหตุให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับตอบโต้ข้อกล่าวหาที่ทหารกัมพูชาอ้างว่ามีการยิงกัน ซึ่งจุดที่กัมพูชาอ้างว่ามีการปะทะกับไทย 3 จุดนั้น ตรวจสอบแล้วเกิดขึ้นในเขตแดนไทยทั้งหมด ไม่ใช่จุดที่กัมพูชาอ้างถึง

 

 

พันธมิตรเชื่อกัมพูชารบโยง "ทักษิณ"

ที่ห้องสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า ที่ทหารกัมพูชาจะมาท้าทายกองทัพไทยคงเป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ดังนั้นเป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะขอความร่วมมือกับกัมพูชาเพื่อสร้างสถานการณ์กลบเกลื่อน สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ

 

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีส่วนชักนำสมเด็จฯฮุน เซน นายกฯกัมพูชามาเกี่ยวข้อง เพราะเชื่อว่าสมเด็จฯฮุน เซนมีความเป็นตัวของตัวเองไม่ให้ใครชักนำได้ง่าย ขณะที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาเป็นประธานเรียกประชุมประธาน กมธ.ทุกคนเพื่อแจ้งไปยังสมาชิกเพื่อขอบริจาคเงินเดือนในเดือนตุลาคม คนละ 2,000 บาท เพื่อนำไปปลอบขวัญทหารที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปะทะกับกัมพูชา นอกจากนี้ กมธ.ขอเรียกร้องไปยังฝ่ายการเมืองกัมพูชาว่า อย่านำวิกฤตการเมืองไทยไปเป็นประเด็นเรียกคะแนนจากประชาชนของตัวเอง

 

 

ชายแดนสระแก้วทหาร 2 ฝ่ายเป็นมิตร

วันเดียวกัน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 หารือกับ พล.ท.บุน เซง แม่ทัพภูมิภาคทหารที่ 5 กัมพูชา ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ใช้เวลาเจรจาประมาณ 30 นาที ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

 

โดย พล.ท.บุน เซง กล่าวว่า ในฐานะแม่ทัพ ทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยหารือและเจรจาสำเร็จด้วยดี ทั้ง 2 ฝ่ายได้ปฏิบัติตามข้อตกลงเมื่อครั้งประชุมที่ จ.นครนายก ส่วนเรื่องปัญหาที่ปราสาทพระวิหารเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และสำคัญที่สุด คือ ทั้งสองฝ่ายมีชายแดนติดกัน ต้องรักษาความมั่นคงกระชับความสัมพันธ์กัน สร้างสายใยแห่งมิตรภาพ เพื่อความผาสุกของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย

 

ขณะที่ พล.ท.คณิตกล่าวว่า ตนได้รับการติดต่อจาก พล.ท.บุน เซ็ง ที่ขอเข้าพบและเจรจาเรื่องความสัมพันธ์อันดี ท่านยืนยันว่ากำลังพลที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนอยู่ในความสงบมีท่าทีที่เป็น มิตร ที่มาคุยเพื่อยืนยันว่า พื้นที่ด้านนี้อยู่ในภาวะปกติ เราจะต้องเสริมความสัมพันธ์ให้มากยิ่งขึ้น

 

 

 

....................................

ที่มาข่าว: แปลและเรียบเรียงจาก

Thai, Cambodian armies keep guns drawn, By Chor Sokunthea (Additional reporting by Nopporn Wong-Anan in Kantaralak, Ek Madra in Phnom Penh, Ed Cropley in Bankgok; Writing by Darren Schuettler; Editing by Alan Raybould and Paul Tait), Thu Oct 16, 2008 7:47 am EDT

http://www.reuters.com/article/asiaCrisis/idUSBKK406647

 

Thai, Cambodian officials hold peace talks, By SOPHENG CHEANG, Associated Press Writer Thu Oct 16, 2:01 AM ET http://news.yahoo.com/s/ap/20081016/ap_on_re_as/as_cambodia_thailand_border_dispute_19

 

ที่มาของข่าวบางส่วน: เว็บไซต์หนังสือพิมพ์มติชน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท