Skip to main content
sharethis


ที่มาของภาพ: คุณ nutviz


http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7090090/P7090090.html


 




ที่มาของภาพ: คุณ mac1957


http://www.prachatai.com/webboard/wbtopic.php?id=729354


 


ประชาไท - เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (11 ต.ค. 51) ที่อิมแพค เมืองทองธานี กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และสมาชิกบ้านเลขที่ 111 อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ร่วมกันจัดงาน "ความจริงวันนี้ ภาคพิเศษ" โดยที่เลือกวันที่ 11 ต.ค. เนื่องจากเป็นวันรำลึกถึงการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540


 


 


คนแห่ร่วมนับหมื่น ณัฐวุฒิดักงานนี้นัดกันนานแล้ว ไม่เกี่ยวสถานการณ์ร้อน


โดยงานมีการรวมพลคนเสื้อแดง และ นปช.ทั่วประเทศเข้าร่วมงาน โดยมติชนออนไลน์ระบุว่ามีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 10,000 คน โดยประชาชนจำนวนเต็มความจุของธันเดอร์โดม เมืองทองธานี จนต้องออกมาฟังด้านนอก นอกจากนี้ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มาร่วมงานด้วย และภายในงานได้มีกิจกรรมจำหน่ายหนังสือ แจกสติ๊กเกอร์ และจำหน่ายเสื้อแดง และมีกิจกรรมปราศรัยสลับกับดนตรีภายในอาคารธันเดอร์โดม


 


ก่อนเริ่มงานนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ชี้แจงว่า ผมไม่ได้เป็นคนจัดงาน เขาเชิญมาเฉยๆ และเจ้าของรายงานเขายุ่งมากเลยฝากมาบอกว่าขอบคุณพี่น้องที่มาร่วมงานกันทั้งที่อยู่ด้านในและด้านนอก และทำความเข้าใจว่างานนี้นัดกันล่วงหน้า ไม่มีรหัสนัยสัญญาณอะไรกับการเมืองในขณะนี้ เป็นการจัดงานพบปะกันเสมือนคนในครอบครัว โดยนายณัฐวุฒิได้แซวผู้ชมว่าสามารถปรบมือชอบใจได้ แต่อย่าใช้มือตบ


 


 


"มาินิตย์" บอก รธน.50 คุ้มครองคณะรัฐประหาร ยอมได้หรือ


นายมานิตย์ จิตจันทร์กลับ อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา แกนนำ นปช. รุ่น 1 กล่าวว่าใครอยากจัดการทักษิณก็ทำไป แต่อย่ามาทำลายรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยอันเป็นกติกาของบ้านเมือง ที่ผ่านมามีการทำรัฐประหารจนบ้านเมืองฉิบหาย เมื่อวานนี้มีคนแก่บางคนยุให้ทหารปฏิบัติ บอกว่าถึงทางตันแล้ว แต่ตนเชื่อว่ายังมีแนวทางแก้ปัญหาด้วยแนวทางประชาธิปไตยได้อีกหลายวิธี


 


นายมานิตย์วิจารณ์ว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่เป็นประชาธิปไตย มาจากระบอบเผด็จการที่ทำรัฐประหาร และมีมาตรา 309 ที่คุ้มครองคณะรัฐประหาร ขอถามว่าเราจะยอมให้รัฐสภา คณะรัฐมนตรีจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหารมาใช้ได้หรือ


 


 


ก่อแก้วบอก 2551 พวกบ้าครองเมือง กฎไม่เป็นกฎ


นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. รุ่น 2 และผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวว่าเป็นเวลาเกือบสามปีแล้วที่ประเทศไทยไม่ไปไหนเลย เศรษฐกิจหยุดนิ่ง สังคมถดถอย บ้านเมืองแตกแยกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในปี 2499 อันธพาลครองเมือง แต่ปีนี้มีพวกบ้าครองเมือง ตำรวจท้อแท้ ประชาชนเบื่อหน่าย ประเทศชาติวอดวาย มันก็ยังไม่หยุด มีที่ไหนตั้งกองกำลังติดอาวุธประกาศชัดเจนว่าจะล้มล้างรัฐบาล พอจะตั้งข้อหากบฏก็ตั้งไม่ได้ กฎหมายไม่เป็นกฎหมายขณะนี้ไม่มีหลักให้ยึด ไม่มีฝาให้พิง ไม่มีอะไรทั้งสิ้น มีแต่พวกเราเท่านั้น


 


นายก่อแก้วยังกล่าวด้วยว่าการรัฐประหารที่ผ่านมา มีการเพิ่มงบประมาณทหาร และตัดงบประมาณส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะการลดงบประมาณด้านการศึกษาของชาติ ยกเลิกกองทุนเงินกู้เพื่อการศึกษา จนทำให้นักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่ จ.นครศรีธรรมราชฆ่าตัวตายเพราะไม่มีเงินกู้เรียนเพื่อการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องน่าสลดใจ จึงบ่งชี้ชัดว่ารัฐบาลที่มาจากทหารและขุนนางย่อมเอาใจพวกเดียวกันเอง รัฐบาลที่มาจากประชาชนก็ต้องเอาใจประชาชน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องปกปักรักษารัฐบาลที่มาจากประชาชน นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องปกป้องประชาธิปไตย


 


 


จตุพรลั่นไม่กลัวเผด็จการ แต่รำคาญอนาธิปไตย


ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. รุ่น 1 ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวบนเวทีว่า ขอประกาศว่าต้องอยู่ประคับประคองรัฐบาล เพราะเดี๋ยวทหารจะยึดอำนาจ ทุกวันนี้ไม่ได้กลัวเผด็จการ แต่รำคาญอนาธิปไตย ความจริงวันนี้ประเทศอยู่ในอุ้งมืออำมาตยาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับคนกลางที่รัฐบาลตั้งมา ก็ไปร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบแทน เพราะ ป.ป.ช.ชุดนี้เป็นชุดที่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระเจ้าแผ่นดิน


 


นายจตุพรกล่าวต่อว่า พวกเราคาดหวังกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ว่าจะเป็นนายทหารที่ดีจนเกษียณ โดยที่พวกเราไม่ต้องการไปไล่ พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะหัวหน้าปฏิวัติ หากเปรียบเทียบ พล.อ.อนุพงษ์เป็นนักร้อง ก็คงเหมือนพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ คือรักทุกคน ไม่ปฏิวัติ แต่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ก็บอกให้ปฏิวัติ ซึ่งท่านก็บอกว่าไม่ปฏิวัติ ไม่รัฐประหาร ซึ่งก็ขอให้ท่านเป็นคนดีของประชาชนไปอย่างนี้ จงรักษาความดีนี้เอาไว้


 


 


วอนพันธมิตรถอดเสื้อเหลือง เลิกแอบอ้างสถาบัน


เขากล่าวด้วยว่า อยากบอกพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าอยากจะยุบสภา อยากเลือกตั้งมาก ก็ลาออกไปพรรคเดียว ไปมีความสุขกับการเลือกตั้ง วันนี้พวกเราเสื้อแดงได้สำแดงพลังแล้ว เพียงแต่อยากจะบอกไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ แล้วขอให้ถอดเสื้อเหลืองมาสู้กัน เพราะเสื้อเหลืองเป็นเสื้อที่ใส่เพื่อแสดงความจงรักภักดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ใส่เพื่อยึดอำนาจ อย่าเอาสถาบันมาเป็นเครื่องมือ


 


"ที่ผ่านมายอมรับว่ามีความรู้สึกที่ไม่ดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อเห็นวันที่ 7 ตุลาคม และวันที่ 13 ตุลาคม ที่กำลังจะถูกย่ำยีในวันจันทร์นี้ ซึ่งเวลานี้ตำรวจอยู่ในสภาพที่ท้อใจ หดหู่ กลัวว่าผู้บัญชาการตำรวจจะชูมือมอบตัวกับนายสนธิแล้วบอกว่า ขอฝาก สตช.ไว้ด้วย ตามโครงการฝากบ้านไว้กับพันธมิตรฯ เพราะคนที่ทำตามกฎกลายเป็นคนผิด ซึ่งเวลานี้คนไทยทั้งประเทศต่างเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพันธมิตรฯ มีมือตบ ท่านสุนัย จุลพงศธร กำลังจะออกตีนตบมาสู้"


 


 


อ้างถ้าตำรวจไม่ใช้แก๊สน้ำตา มีหวัง "สมชาย" ถูกจับเป็นตัวประกัน ลั่นถ้ามียึดอำนาจให้ระดมพล


พิธีกรความจริงวันนี้กล่าวอีกว่า ถ้าวันนั้นตำรวจไม่ใช้แก๊สน้ำตา คนพวกนี้จะพังประตูรัฐสภา จับตัวนายกฯ เป็นตัวประกัน เวลานี้พันธมิตรฯ ฆ่าคนตายยังไม่กลัวความผิด แล้วพวกเราสุจริตชนจะไปกลัวทำไม หลายคนกลัวคนเกเรพันธมิตรฯ อยากถามว่าแล้วไม่กลัวพวกเราบ้างหรือไงวะ พวกเราทนไม่ได้วันไหน ตอนนี้ความอดทนของพวกเราพังไปนานแล้ว ขอเตือนทหารถ้าคิดยึดอำนาจวันข้างหน้าเราจะเลือกสถานที่ใหญ่กว่านี้หลายร้อยเท่า ใส่เสื้อสีแดงมาเป็นแสนมาชุมนุมจากสนามหลวง ปลายแถวไปถึงทำเนียบฯ โดยให้ พล.ต.อ.สล้างไปอยู่ปลายแถวหลังสุด


 


"ทุกวันนี้เป็นหนึ่งประเทศ 2 ระบบ อยู่ภายใต้เผด็จการทั้งสิ้น เพราะถ้าไม่ใช่พวกเราก็บริหารประเทศไม่ได้ และนายกฯ ไม่ต้องทำตามที่เขาบอกให้ยุบสภา ให้ลาออก เพราะเราจะไม่ยุบสภา ไม่ลาออกจนกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญได้ และทันทีที่ยึดอำนาจเมื่อไร และเมื่อได้ฟังคำว่า โปรดฟังอีกครั้ง ยึดอำนาจเมื่อไร ขอให้พวกเราไปสนามหลวงทันที" นายจตุพรกล่าว


 


 


วีระบอกวันนี้พลังเงียบไม่เห็นด้วย "พันธมิตร" รวมตัว ยันชุมนุมสันติ


ด้านนายวีระ มุสิกพงศ์ ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวว่า การรวมตัวการชุมนุมเพื่อเป็นการประเมินกำลังของกลุ่มบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงไร รวมถึงกลุ่มพลังเงียบที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยันว่าจะชุมนุมอย่างสันติ


 


"เราต้องการหยุดยั้งการทอดสะพานปฏิวัติ เพราะเหตุการณ์ 7 ตุลาคมเพื่อให้เกิดการรัฐประหาร ถ้าอยากทำก็ออกมาเลย เพราะเราตั้งหลักอยู่แล้ว ออกมาเลยมาพบกัน" นายวีระกล่าว


 


นายวีระกล่าวว่ารัฐบาลทักษิณ ชินวัตรถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม เช่น ข้อกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี ซึ่งกระบวนการยุติธรรมก็พิสูจน์แล้วว่าไม่มีความจริงเพราะอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว


 


 


ลั่นไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ ต้องแก้รัฐธรรมนูญก่อน แล้วค่อยยุบสภา


เขายังว่า สังคมต้องมีความยุติธรรม บ้านเมืองต้องมีกฎหมาย ยุบสภาอย่ายุบ ลาออกไม่ออก รัฐบาลแห่งชาติไม่เอา ทางที่เราต้องเดินคือทางแห่งความชอบธรรม ขอรัฐบาลจัดการเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นแล้วถึงจะยุบสภา แล้ววันนั้นจะได้เห็นกันว่าคน 63 ล้านคนต้องการให้ใครบริหารประเทศ และหากเลือกตั้งอีกกี่ครั้งสีแดงก็ชนะแน่นอน และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่ไกลเกินกว่าจะมาเป็นนายกฯ ได้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นจะเป็นไรไปถ้าเราคิดถึงทักษิณ แล้วจะตะโกนพร้อมกันว่า ทักษิณๆ (ผู้ชุมนุมได้ตะโกนเรียก "ทักษิณๆ")


 



"เราตะโกนให้หายคิดถึงจะไปหนักหัวใคร และสิ่งที่พวกเราทำวันนี้เพื่อประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อทักษิณ ในเมื่อ 4-5 ปีก่อนทักษิณทำทุกอย่างเพื่อเรา แล้ววันนี้เราจะทำทุกอย่างเพื่อประชาธิปไตย ทักษิณและครอบครัวจะได้รับอานิสงส์ไปบ้างก็เป็นสิ่งที่น่ายินดี เรื่องมันก็เท่านี้ ไม่มีอะไรเลย ขอให้พวกเรารอวันนัดหมายชุมนุมใหญ่กัน" นายวีระกล่าว


 


 


จักรภพอัญเชิญพระราชดำรัสพระเทพฯ ก่อนแนะพันธมิตรหยุดแอบอ้าง


นายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งมาพร้อมกับเพลง "ขอให้เหมือนเดิม" แต่งคำร้องโดย พรพิรุณ ทำนองโดยเอื้อ สุนทรสนานของวงสุนทราภรณ์ ซึ่ง อ.พรพิรุณ ได้มาร่วมงานนี้ด้วย และนายจักรภพชวนผู้ชมให้ปรบมือ ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมเป็นอย่างมาก


 


นายจักรภพได้ยกพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่เฝ้าฯ รับเสด็จที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับเรื่องของพันธมิตรฯ นำมากล่าวในเวทีความจริงวันนี้ภาคพิเศษด้วย โดยนายจักรภพกล่าวว่า พันธมิตรฯ ได้ฟังแล้ว จากจุดขายก็กลายเป็นจุดตาย เพราะเมื่อพระราชดำรัสนี้เผยแพร่ไป ก็ชัดเจนแล้วว่าคำอ้างของกลุ่มพันธมิตรฯ ใช้ไม่ได้แล้วและเชื่อว่าเมื่อทราบพระราชดำรัสนี้แล้วจะมีคนเข้าร่วมกับเรามากขึ้น พันธมิตรฯ คงต้องหาวิธีอื่นมาแก้ คงจะอ้างเช่นเดิมไม่ได้แล้ว


 


 


ถามการเมืองใหม่พ่อมึงเหรอ สรรหามากกว่าเลือกตั้ง


นายจักรภพเขากล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้มีคำพังเพยว่าปรุงอาหารถูกปลด เป็นกบฏถูกปล่อย นี่มันบ้านเมืองของความบ้าคลั่งแล้ว วันนี้จึงไม่แปลกใจที่พี่น้องเสื้อแดงมากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเพื่อมาทวงประเทศคืน


 


เวลานี้ผู้มีอำนาจบางคนมองไม่เห็น ว่าความจริงเขาจูงจมูกตัวเองอยู่อย่างไร ว่าม้าใช้ที่ใช้อยู่นี้มันโจรชัดๆ เพราะฉะนั้นวันนี้เราแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ มีนักวิชาการออกมาเสนอการเมืองใหม่ พันธมิตรฯ บอก 70: 30 คนนั้นบอกอย่างนี้ คนนี้บอกอย่างนั้น ใครที่คิดเล่นเกมพันธมิตร เดินอย่างพันธมิตร เชิญตามสบาย แต่ขอให้รู้ว่ากำลังลงเรือที่ลงไปสู่ขุมนรก ตัวใครตัวมัน นรกใครขุมไหนลงกันไปเอง


 


นายสนธิ ลิ้มทองกุล ทำให้คนคิดว่าระบอบประชาธิปไตยเป็นของมีปัญหา เสนอการเมืองใหม่ ผมขอพูดตรงนี้ ไม่อยากพูดหยาบคายไม่ใช่วิสัย แต่คำนี้พูดเพราะแล้วอธิบายไม่ได้ เพราะการเมืองใหม่นั้นต้องถามกลับว่าพ่อมึงเหรอยังไง การเมืองใหม่ที่ไหนถอยหลังกลับไปสู่ระบบที่คนไม่มีส่วนร่วม การเมืองใหม่คือการเมืองที่ก้าวหน้า ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น ถ้าหากร่วมระดับชาติแล้ว ต้องร่วมระดับท้องถิ่น ต้องมีการถ่วงดุลกับผู้มีอำนาจ


 


เพราะรัฐบาลทุกชุดไม่ว่าพรรคเราหรือพรรคใคร พรรคไหนก็ตาม มีข้อบกพร่องติดตัวทั้งนั้น ไม่มีใครวิเศษหมดแต่ต้องมีระบบการเมืองคอยถ่วงดุล ทำให้คนชั่วเผยโฉมออกมา การเมืองใหม่ที่เขาเสนอนั้นเป็นการเมืองกึ่งอุปถัมภ์ ที่ว่าซีกแต่งตั้งเอาพรรคเอาพวกตัวเองมา แต่งตั้งคนนั้น แต่งตั้งคนนี้ เป็นการเมืองเหมือนที่โฆษกณัฐวุฒิบอกว่า "แหมมันช่างสรรหาจริงๆ" ซึ่งจะมีมากขึ้นหากใช้การเมืองใหม่แบบนี้และเครือข่ายที่ว่านี้คิดจะทำลายประชาธิปไตย ที่จะเอาสรรหามากกว่าเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์เองก็เคยต่อต้านมาตลอด แต่มาวันนี้กลับเรียกร้องเอารัฐบาลแห่งชาติ เพราะเขารู้ตัวดีว่าเลือกตั้งกี่ครั้งเขาก็แพ้


 


 


จาตุรนต์ชี้การเมืองใหม่ 70: 30 ไม่เคารพเสียงประชาชน


ต่อมานายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้ขึ้นเวทีร้องเพลงคิดถึงพี่ไหม กับเพลงต้องมีสักวัน จากนั้นได้กล่าวว่า ที่ตนร้องเพลงนี้เพราะต้องการสื่อให้เห็นว่าไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันเพราะถูกตัดสิทธิ์ ถ้าไปปราศรัยหาเสียงพรรคเพื่อไทยก็จะถูกยุบอีก ตนกับนายอดิศร เพียงเกษ เลยคิดว่าจะปราศรัยหาเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์เสียเลย


 


"ผมร้องเพลงนี้เพื่อบอกว่าถ้าไม่คิดถึงพวกเรา 111 คน ก็จะน้อยใจ ยกเว้น 111 คน คนที่อยู่ไกลๆ คนโน้น อันนั้นถ้าคิดถึงก็ไม่ว่ากัน วันนี้พันธมิตรฯ กำลังปู้ยี้ปู้ยำบ้านเมือง เราเป็นเจ้าของประเทศแท้ๆ แต่ต้องกลายเป็นพลเมืองชั้น 2 ต้องมีสักวันครับ เพราะถ้าวันนี้เราไม่ช่วยกันบ้านเมืองวิกฤติวิปลาสแน่ๆ" นายจาตุรนต์กล่าว



ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง ยังโจมตีแนวคิดการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าเป็นการทำลายระบบพรรคการเมืองเป็นระบบที่ไม่เคารพในการใช้สิทธิ์ออกเสียงของประชาชน เนื่องจากระบบ 70/30 จะทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งเหลือเพียง ร้อยละ 30 ประกอบกับต้องไม่สังกัดพรรคการเมืองซ้ำยังเป็นการไม่ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในประชาธิปไตยอีกด้วย


 


 


วิภูแถลงประกาศ นปช.รวมพล 12-14 ต.ค. ลั่นไม่เคลื่อนไปไหน


นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย แกนนำ นปช. รุ่น 2 กล่าวว่า นปช.จะนัดรวมพลใหญ่ในวันที่ 12-14 ตุลาคม ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ที่ท้องสนามหลวง และขอยืนยันว่า จะไม่มีการเคลื่อนพลออกจากสนามหลวง ซึ่งการระดมพลครั้งนี้ก็เป็นการต่อสู้กันทางความคิด และไม่ได้ต้องการเผชิญหน้ากับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยใช้สโลแกนในการรวมพลครั้งนี้ว่า "ประชาธิปไตยใต้อุ้งเท้าใคร เมื่อกบฏได้รับการปกป้อง" แต่ถ้าหากเมื่อใดที่กลุ่มพันธมิตรฯ ย่างกรายเข้ามาในเขตสนามหลวง ก็จะปกป้องตัวเอง และจะไม่คุกคามใครก่อน


 


นายวิภูแถลงกล่าวต่อว่า การระดมพลครั้งนี้เพราะทนไม่ได้ที่พันธมิตรฯ ไปปิดล้อมรัฐสภาและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในการเปิดทางให้มีการประชุมสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาล และทนไม่ได้กับกลุ่มพันธมิตรฯ กัปตัน แพทย์ ที่มีพฤติการณ์ที่รับไม่ได้ ส่วน พล.ต.อ.สล้าง ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นแกนนำ นปช. แต่ถ้าเข้าร่วมก็จะยินดีต้อนรับ


 


"วันนี้เป็นการเช็คขุมกำลังกลุ่มที่ไม่เอาพันธมิตรฯ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้กันทางความคิด และเพื่อทำให้เห็นว่ามีประชาชน ตำรวจอีกมากที่ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ" นายวิภูแถลงกล่าว


 


 


วีระปัดแนวทาง พล.ต.อ.สล้าง ชี้ นปช. แค่แสดงพลังเงียบ


นายวีระกล่าวอีกครั้งว่า เป็นการเช็คกำลังว่ามีความพร้อมแค่ไหนที่จะต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ส่วนที่เกรงกันว่าจะมีการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ ตนบอกเลยว่าไม่ต้องห่วง แต่หากเป็นการวัดกำลังพลก็จะแสดงให้เห็นว่ามีพลังเงียบเข้าร่วม นปช.มากแค่ไหน ส่วนที่ พล.ต.อ.สล้างประกาศจะกำลังเข้ายึดทำเนียบฯ คืนนั้น ตนเห็นด้วยในแนวคิด แต่แนวทางกับ พล.ต.อ.สล้างต่างกัน ตนเพียงต้องการเช็คกำลังเท่านั้นว่ามีมากแค่ไหน และจะมีการจัดแบบนี้อีก 2-3 ครั้ง ส่วนการแก้ไขปัญหาอย่างไรนั้นเป็นเรื่องรัฐบาล หากแก้ไม่ได้ ระวังพลังเงียบจะออกมาฟาดฟันเอง เพราะกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย และให้รัฐบาลระวังว่าประชาชนจะเบื่อหน่าย


 


 


จักรภพแจงคดีหมิ่นกำลังส่งศาล กร้าวขอคุยกับ "เจ้าของพันธมิตร"


นายจักรภพกล่าวอีกครั้งว่า การมารวมกันครั้งนี้ไม่ได้มีการจ้างมาอย่างแน่นอน เหตุที่ตนต้องออกตัวเช่นนี้ เดี๋ยวจะหาว่าจ้างมา และตอนแรกตนก็ไม่ได้คิดว่าจะมีประชาชนมาร่วมฟังรายการครั้งนี้ได้ถึงขนาดนี้ เวลานี้เชื่อว่าประชาชนคงรู้สึกอึดอัดจึงออกมาแสดงพลัง


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ระบุว่าคดีหมิ่นสถาบันล่าช้าเป็นเพราะตำรวจเลือกปฏิบัติหรือไม่ นายจักรภพกล่าวว่า ไม่จริง เพราะถ้าเลือกปฏิบัติก็ต้องยกเลิกหมายจับ เพราะคดีความอยู่ระหว่างการดำเนินคดีส่งศาล ซึ่งตนก็ถูกสอบปากคำเพิ่ม ทั้งนี้ตนก็เรียกร้องให้เชิญพยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบเพิ่มด้วย ไม่ใช่เชิญใครไม่รู้ที่ไม่ได้อยู่ในห้องบรรยายมาสอบปากคำ และเวลานี้ตนไม่สนอะไรแล้ว


 


"หากจะมีการพูดคุยอะไรกัน ก็ขอคุยกับเจ้าของพันธมิตรฯ ไม่ใช่พันธมิตรฯ"


 


 


"สมชาย" ไม่เห็นด้วย นปช. รวมพลสนามหลวง บอกเตือนณัฐวุฒิแล้ว


ขณะที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ไม่เห็นด้วยกับกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นัดชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง รวมถึงการกระทำใดๆ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งได้บอกนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปแล้วว่าตนไม่นิยม และขอให้ยุติเรื่องที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ได้เตือนไปแล้ว แต่นายณัฐวุฒิบอกว่าเป็นการจัดรายการ "ความจริงวันนี้สัญจร"


 


"แต่สรุปแล้วผมไม่สนับสนุนให้มีความขัดแย้ง เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเวรที่ย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร และใครจะอยู่ตรงไหนให้พยายามทำความดีเพื่อเอาชนะความไม่ดี มันจะสงบเรียบร้อย ถ้ามัวแต่ต่อสู้กัน กี่ปีกี่ชาติก็ไม่จบ ไม่มีใครยอมใคร" นายสมชายกล่าว


 


เมื่อถามถึงกรณีที่พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ประกาศรวบรวมตำรวจนอกราชการเพื่อยึดทำเนียบรัฐบาลคืน นายสมชายกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่อง บางครั้งสื่อก็วิเคราะห์ได้ ตอบได้ แต่อยากให้ผู้ใหญ่มาพูด


 


นายสมชายยังกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งในสังคมขณะนี้ ว่า เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอดตั้งแต่ก่อนปี 2549 ในบ้านเราเกิดความแตกแยก และพยายามประคับประคองสถานการณ์ตลอด กระทั่งถึงรัฐบาลสมัครก็เริ่มรุนแรง ขึ้น เราอยากให้บ้านเมืองสงบ ขณะนี้ทรัพย์สินของรัฐ โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาลได้รับความเสียหายมาก ขณะนี้รัฐบาลก็ทำงานไม่สะดวก แต่ตนไม่เคยหยุด งานก็ไม่เคยหยุด ทำตลอด งานที่รออยู่ข้างหน้ามีหลายอย่างโดยเฉพาะงานพระราชพิธี ซึ่งเป็นงานที่จำเป็น หยุดไม่ได้ ส่วนการเดินทางไปเยือนอาเซียนจะไปทันทีที่ทุกอย่างจบ ความจริงโดยมารยาทต้องไปทันที แต่เนื่องจากตรงนี้ก็อย่างที่เห็นกันอยู่


 


 


ที่มาของข่าวบางส่วน: มติชนและไทยโพสต์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net