ตำรวจแถลงซ้ำ โชว์ภาพตั้งปม "เจ็บ -ตาย" มาจากผู้ชุมนุม

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. เวลา 11.30 น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) แถลงข่าวที่ บช.น. ภายหลังร่วมประชุมกับ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. เพื่อชี้แจงเรื่องการสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา จนมีผู้บาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก และเสียชีวิต 2 คน

 

พล.ต.ต.สุรพล แถลงถึงการใช้แก๊สน้ำตาสลายม็อบพร้อมนำตำรวจผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน ประกอบด้วยอาวุธปืนยิงแก๊สน้ำตา มาสาธิตให้ดูถึงกรณีแก๊สน้ำตาที่กระทบร่างกายผลที่เกิดขึ้นจะคันและแสบร้อนที่ผิวหนัง มีไฟลุกไหม้บางส่วน แต่ไม่มีผลในเรื่องการทำลายล้าง แรงอัดไม่สามารถทำให้ฉีกขาดได้

 

"อาการบาดเจ็บรุนแรงที่เกินขอบเขตอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน อยู่ระหว่างตรวจสอบ ไม่อยากอ้างว่าเป็นมือที่ 3 แต่ไม่ได้เกิดจากอุปกรณ์ที่ตำรวจมีอยู่ ภาพที่ออกไปทำให้ตำรวจตกเป็นจำเลยของสังคม ขณะนี้ให้ตรวจสอบดูว่าแรงระเบิดที่ทำให้ขาขาดเกิดจากอะไร ระเบิดปิงปองที่มีการพกอยู่ แล้วปะทุขึ้นเพราะเกิดการหกล้ม หรือจังหวะที่แก๊สน้ำตาจุดระเบิดในระยะใกล้ทำให้ระเบิดปิงปองปะทุระเบิดขึ้น" พล.ต.ต.สุรพลกล่าว และว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเหตุบาดเจ็บรุนแรงที่เกินกว่าแก๊สน้ำตาเกิดจากการกระทำของใคร ยืนยันว่าไม่ใช่ตำรวจ

 

พล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า เหตุการณ์ทุกอย่างเชื่อมกันหมด หลังนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำพันธมิตรถูกจับกุม ยังไม่สามารถเรียกแขกได้ ต่อมา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็ออกมาเลือกตั้งให้มีการจับกุม วัตถุประสงค์ของการชุมนุมมีอยู่ นำเอาผู้คนมามากขึ้น เป็นผลประโยชน์ที่สอดรับกันอยู่ อยากให้ประชาชนใช้สติให้รอบคอบ ทุกคนรักชาติ ใครได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ ซึ่งตำรวจเสียหายแน่นอน เพราะฉะนั้นที่ผ่านมา ผบ.ตร.ได้ย้ำให้ปฏิบัติการด้วยความระมัดระวัง แต่มีคนฉกฉวยโอกาสสร้างความรุนแรง" พล.ต.ต.สุรพลกล่าว

         

สื่อมวลชนชี้แจงว่ามีตำรวจบางคนพูดว่ายิงใส่มัน ยิงหน้ามันเลยขณะปฏิบัติการ พล.ต.ต.สุรพลตอบว่าอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนทุกอย่างในโลกนี้ ผลิตขึ้นมาไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายล้าง เพียงแต่ระงับฝูงชนอารมณ์รุนแรง ความบ้าคลั่ง สำหรับข้อมูลข่าวสารภาพตำรวจที่ออกมาเกินเลยนั้น ทาง ตร.จะตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมจะเอาหนึ่งเหตุการณ์มาบอกว่าตำรวจเกินเลยไม่ได้ เรียนว่าตำรวจอยู่ในกรอบ เรามีแค่อุปกรณ์ควบคุมฝูงชน ไม่อาจทำลายล้าง ส่วนในกรณีที่ยิงวิถีกระสุนในแนวราบและยิงใส่ฝูงชนเนื่องจากมีการตั้งลวดหนาม ยางรถยนต์ และใช้น้ำมันราด ขวางกั้นไว้

 

เมื่อถามต่อไปเหตุใดตำรวจไม่เข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล ได้รับคำตอบว่าเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธควบคุมฝูงชนเท่านี้ภาพที่ออกมาพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ยังคลางแคลงใจเลย และขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเหตุบาดเจ็บรุนแรงที่เกินกว่าแก๊สน้ำตาเกิดจากการกระทำของใคร ยืนยันว่าไม่ใช่ตำรวจ ตำรวจไม่มีประโยชน์จากการยกระดับการชุมนุมไปสู่ความรุนแรง มีแต่เราจะเสียหาย สิ่งซึ่งเกิดความรุนแรงขึ้น วัตถุประสงค์ของการชุมนุมมีอยู่ นำเอาผู้คนมามากขึ้นเป็นผลประโยชน์ที่สอดรับกันอยู่ อยากให้ประชาชนใช้สติให้รอบคอบ ทุกคนรักชาติ ใครได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ แต่ตำรวจเสียหายแน่นอน เพราะฉะนั้นที่ผ่านมา ผบ.ตร.ได้ย้ำให้ปฏิบัติการด้วยความระมัดระวัง แต่มีคนฉกฉวยโอกาสสร้างความรุนแรง

 

 

ภาพที่ตำรวจนำมาแสดงต่อสื่อมวลชน (ที่มาภาพ : มติชน)

 

ภาพบริเวณที่ชุมนุม ซึ่งมีการตั้งคำถามในเว็บไซต์พันทิปว่า เป็นระเบิดปิงปอง หรือแก๊สน้ำตา (ที่มาภาพ : เว็บไซต์พันทิป)

 

 

ต่อมา เวลา 16.35 น. พล.ต.ต.สุรพล แถลงอีกครั้งว่า ขณะนี้มีความชัดเจนว่า ผู้บาดเจ็บบางส่วนซึ่งได้ภาพมาจากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เป็นอาวุธและเครื่องมือของกลุ่มผู้ชุมนุมเอง เห็นได้ว่ามีภาพหนึ่งมือขวาถูกระเบิดบาดเจ็บแขนขาด ส่วนมือซ้ายยังกำระเบิดไว้  ขอเรียนว่าตำรวจไม่ได้ปรุงแต่งหรือนำข้อมูลเท็จมาเสนอ เป็นข้อเท็จจริงอย่างที่เห็น นอกจากนี้มีประชาชนบางส่วนอ่านหนังสือพิมพ์ตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนใหญ่บาดเจ็บที่ขา ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเป็นกลุ่มนักรบศรีวิชัย การ์ดด้านหน้า สันนิษฐานว่าอาการบาดเจ็บมักเกิดจากมีอุปกรณ์อาวุธ เมื่อตำรวจใช้แก๊สน้ำตาทำให้อาวุธดังกล่าวระเบิดขึ้น อาจเกิดจากการหิ้วถุงบรรจุสิ่งที่สามารถระเบิดได้ทำให้บุคคลที่ยืนข้างๆ บาดเจ็บ  ทั้งหมดเป็นข้อสันนิษฐานยังไม่ใช่ข้อสรุป

 

สำหรับหญิงสาวที่เสียชีวิต ทราบว่าซี่โครงหักทุกซี่ แขนฉีกขาดลักษณะเหมือนหนีบอะไรสักอย่างที่ระเบิดได้  ซึ่งไม่ใช่เครื่องมือที่ตำรวจใช้ เพราะแผลไหม้มากกว่าแก๊สน้ำตาที่ใช้

 

เมื่อถามว่า ระเบิดในมือที่ผู้บาดเจ็บกำไว้ตามภาพถ่ายเป็นระเบิดชนิดไหน พล.ต.ต. สุรพลกล่าวว่า กำลังนัดเจ้าหน้าที่กองพลาธิการมาดูว่าเป็นประเภทไหน และอานุภาพเป็นอย่างไร ส่วนแนวทางสืบสวนกลุ่มผู้ชุมนุมมีระเบิดปิงปองหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า ทราบว่ามีบางส่วน มีการปะทะก็มีการโยนใส่บ้าง แต่ชนิดที่เห็นในภาพยังไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตาม กำลังตรวจสอบชื่อของบุคคลในภาพ เพื่อให้เกิดความชัดเจน

สำหรับภาพดังกล่าวช่างภาพ น.ส.พ.ฉบับหนึ่งบันทึกภาพได้โดยรับบาดเจ็บจากการปะทะกับตำรวจด้านข้างกำแพง บช.น.เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมือขวาถูกแรงระเบิดจนขาด ส่วนมือซ้ายยังคงกำระเบิดไม่ทราบเอาไว้อีก 1 ลูก ก่อนจะมีหน่วยพยาบาลเอาเปลมาลำเลียงออกไปส่งโรงพยาบาล

 

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตำรวจใช้อาวุธระเบิดหรือลูกเกลี้ยงนั้นโดยอ้างจากภาพวัตถุที่อยู่ในมือ พ.ต.อ.วีรพัฒน์ คิวะแพทย์ ผกก.กลุ่มงานวิชาชีพและเชี่ยวชาญกองพลาธิการ และสรรพาวุธ กล่าวว่า ลูกเกลี้ยงรัศมีสังหาร 10-15เมตรแน่นอน คนที่ถูกไม่สามารถวิ่งแบบนี้ได้ แต่ชนิดของระเบิดก็แล้วแต่การออกแบบ แต่จะมีรัศมีรอบทิศ ต่างจากกระสุน ซึ่งมองว่าที่พี่น้องประชาชนโดนไม่น่าจะเป็นลูกเกลี้ยงหรือเอ็ม 76 ที่อันตรายจะร้ายแรงกว่านี้

 

ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ภาสกร สถิตยุทธการ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ หรือ  191 กล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรโยนระเบิดเข้าไปใน บช.น. ว่า เป็นระเบิดจริงที่ผลิตขึ้นจากประเทศจีนแต่โชคดีขณะโยนเข้ามาระเบิดไม่ทำงานนอกจากนี้ในการเข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณหน้ารัฐสภา พบระเบิดลูกเกลี้ยงลักษณะคล้ายกับระเบิด เอ็ม 26 จำนวน 2 ลูก โดยระเบิดลูกแรกที่ถูกพบ ตกอยู่ห่างจากจุดที่ผู้ชุมนุมถูกระเบิดจนขาขาด ประมาณ 5 เมตร ส่วนอีก 1 ลูก พบอยู่ที่บริเวณแยกอู่ทองใน

 

ผบ.ตร.แจงขอรถน้ำแล้ว แต่กทม.ไม่ให้

ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวที่โรงพยาบาลตำรวจว่า นายกรัฐมนตรีมาเยี่ยมให้กำลังใจและไม่ได้กำชับการทำงานเป็นพิเศษ บอกว่าให้ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมให้เกิดความปลอดภัย และไม่ให้เกิดการปะทะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพราะ ส.ส. และ ส.ว. จะต้องเข้าประชุมสภา จึงถามกลับว่าจะทำอย่างไรจะให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าไปประชุมสภาได้ต้องเปิดทางเข้าไปให้ได้

 

"ตอนนั้นต้องคิดว่าจะใช้อะไร กระบองใช้ไม่ได้เพราะจะเกิดการกระทบกระทั่งบาดเจ็บ ถ้าไม่ใช้แก๊สน้ำตาใช้โล่เปล่าๆ ดันก็คงไม่ได้ จึงตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตาเพราะจะไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งมากและใช้โล่ดันเพื่อเปิดทาง ถามว่าทำไมไม่ใช้น้ำ ตำรวจไม่มีรถน้ำขอประสานขอไปยังกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็ไม่ได้ ได้รับคำตอบว่าน้ำมีไว้สำหรับรดต้นไม้ ไม่ได้มีไว้ฉีด ซึ่งเรื่องนี้สอบถามไปยังปลัด กทม.ว่าผมได้ประสานขอไป เพราะตำรวจต้องทำให้ ส.ส. และ ส.ว.เข้าไปประชุมได้อย่างปลอดภัยที่สุด

 

ด้าน ร.ต.ต.พีราเชษฐ ธราปัญจทรัพย์ กองกำกับการควบคุมฝูงชน อายุ 21 ปี ซึ่งบาดเจ็บเพราะถูกรถชนระหว่างปฏิบัติหน้าที่ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้ารัฐสภาเพื่อนำ ส.ส.ออกจากพื้นที่ ขณะนั้นกำลังช่วยเพื่อนตำรวจที่ถูกกลุ่มพันธมิตรรุมทำร้าย รู้สึกเพียงว่ามีของแข็งกระแทกด้านหลังอย่างแรงและสลบทันที มาทราบภายหลังว่าถูกรถชน ซึ่งอาการบาดเจ็บขณะนี้ ยังเจ็บที่ขา เอ็นข้อเข่าเคลื่อนอักเสบรุนแรง รอการผ่าตัด

 

"สิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้สึกเสียกำลังใจ เพราะว่าเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้บอกกับครอบครัวไว้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นก็เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ รู้สึกเสียใจมาก ไม่อยากให้มองว่าคนไทยแบ่งฝักฝ่าย เพราะทุกฝ่ายล้วนพบแต่ความสูญเสีย" ร.ต.ต.พีราเชษฐกล่าว

 

ผลชันสูตรศพ "อังคณา" ฉีกขาดรุนแรง

ด้าน ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปรี้ยวนิ่ม หัวหน้าหน่วยนิติเวช ภาควิชาพยาธิวิทยา รพ.รามาธิบดี เปิดเผยผลชันสูตรศพ น.ส. อังคณา ว่า พบมีบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณหน้าอกซ้ายต่อเนื่องถึงแขนซ้าย เนื้อบริเวณหน้าอกฉีกขาดหลุดออกมาเป็นชิ้นจนเห็นซี่โครง และทำให้กระดูกแขนข้างซ้ายหัก ภายในพบว่า มีเลือดออกในช่องเยื่อหุ้มปอดซ้าย ปอดฟกช้ำจนทะลุ และหัวใจได้รับแรงกระแทกจนทะลุเช่นกัน สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากหัวใจทะลุ และเลือดออกในช่องปอด ลักษณะของบาดแผลเกิดจากถูกของแข็งที่มีความร้อน เข้าปะทะด้วยความเร็วสูง

 

"ความเร็วและความแรงเปรียบเทียบได้เท่ากับแรงกระแทกของการตกตึก 3 ชั้น และยังพบคราบเขม่า รวมทั้งรอยไหม้ทั่วร่างกาย โดยได้ส่งคราบเขม่าบนชุดชั้นในให้กับพนักงานสอบสวนส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อระบุชนิดของวัตถุระเบิดต่อไป เชื่อว่าแผลฉีดขาดในระดับนี้ รุนแรงเกินไปที่จะเกิดจากแก๊สน้ำตา นอกเสียจากแก๊สน้ำตาถูกยิงมาใส่อกและระเบิดที่บริเวณหน้าอกของผู้ตายพอดี"

 

ราชินีพระราชทานช่วยอีก 8 แสน

เมื่อเวลา 17.15 น. สำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง แจ้งว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม พระราชทานเงินส่วนพระองค์เพิ่มเติม เพื่อใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บทุกคน จากเหตุการณ์ความไม่สงบ ดังนี้ 1.วชิรพยาบาล จำนวน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) 2.โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จำนวน 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) 3.โรงพยาบาลรามาธิบดี จำนวน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน)

 

รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผอ.รพ.รามาธิบดี แถลงว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทานเงิน 2 แสนบาท เป็นค่าใช้จ่ายดูแลผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม ขณะนี้รวมเงินพระราชทานทั้งสิ้น 3 แสนบาท จะนำเงินดังกล่าวไปใช้ตามพระราชประสงค์อย่างดีที่สุด และจะถวายรายงานเพื่อทรงทราบเป็นระยะ

 

สรุปเหตุการณ์บาดเจ็บ

รศ.นพ.ธันย์ แถลงสรุปเหตุการณ์ผู้ได้บาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บที่รพ.รามาธิบดี มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจำนวนทั้งสิ้น 76 ราย ขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 16 ราย ในจำนวนนี้ 6 รายยังต้องเฝ้าดูอาการ ส่วนอีก 10 รายต้องรับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรง ซึ่งในผู้ป่วย 10 รายนี้ มี 2 รายที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นสูญเสียอวัยวะส่วนล่าง อีก 2 รายสูญเสียอวัยวะมือ และอีก 1 รายเสียตาขวา ต้องควักเอาดวงตาออก ซึ่งดูจากลักษณะบาดแผลแล้วพบว่า ไม่ได้เป็นพิษจากการถูกแก๊สน้ำตา แต่ถูกกระแทกอย่างแรง นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 รายที่กระดูกหัก เนื่องจากมีบาดแผลรุนแรงบริเวณกล้ามเนื้อ

 

รศ.นพ.ธันย์ กล่าวอีกว่าอีกรายหนึ่งเป็นชายไทยไม่ทราบชื่อ อยู่ในส่วนของผู้ชุมนุมและยังไม่ได้สติ ซึ่งไม่พบหลักฐานส่วนตัวใดๆ มีอาการบาดเจ็บที่ลำคอ ขณะนี้อยู่ในหอผู้ป่วยไอซียู แม้มีอาการดีขึ้น แต่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งยังไม่ทราบว่าหลังจากนี้อาจจะต้องเจาะคอ และต้องหายใจทางคอไปตลอดชีวิต โดยในรายนี้บาดแผลเกิดจากแรงกระแทกเช่นกัน ซึ่งน่าจะเป็นอาวุธนิดใดชนิดหนึ่ง

 

ส่วนอีก 1 ราย คือ ส.ต.ต.ธีราเชษฐ์ ธาราปัญจทรัยพ์ ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกรถชน ขณะนี้กำลังเฝ้าติดตามอาการใส่เฝือก เพื่อรอผ่าตัดเอ็นข้อขา นอกจากนั้นเป็นผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดไปแล้ว ส่วนหนึ่งจะมีการผ่าตัดเพื่อตบแต่งบาดแผล และลดการติดเชื้อหลังจากการผ่าตัด ส่วนการให้บริการของ รพ.รามาฯ ขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยจะมีการแถลงถึงระบบการดำเนินการต่างๆ ของโรงพยาบาลฯ ในช่วงบ่ายวันนี้

 

นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผอ.ศูนย์นเรนทร กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ยังมีผู้บาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา ลานพระบรมรูปทรงม้า บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล แยกการเรือน แยกขัตติยานี นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลต่างๆ จำนวน 73 ราย จากที่มีผู้บาดเจ็บ เข้ารับการรักษาทั้งสิ้น 437 คน

 

ด้าน นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล กล่าวถึงยอดผู้บาดเจ็บตลอดทั้งวัน เมื่อวานที่ผ่านมาจากเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้งสิ้น 164 ราย ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บต้องเข้ารับการผ่าตัดทั้งสิ้น 13 ราย ขณะเดียวกันได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บาดเจ็บจากการปะทะ เข้ารักษาตัว 14 ราย ถูกยิง 3 ราย ซึ่งอยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว

ส่วน นายธัญญา คูณแก้ว การ์ดพันธมิตรฯ ที่ได้รับบาดเจ็บขาขาดนั้น อาการดีขึ้นแต่ยังคงน่าเป็นห่วง ขณะที่ นายบุญมา บุญเถื่อน อายุ 50 ปี ชาวชลบุรีที่เข้านอนรักษาตัวตลอดทั้งคืน เนื่องจากถูกยิงด้วยแก๊สน้ำตาได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลเช้าวันนี้ โดยยืนยันว่าจะกลับไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลต่อทันที สำหรับยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์วานนี้รวมทั้งสิ้น 410 ราย เสียชีวิต 2 ราย โดยแยกกระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ

 

นพ.ชัยวัน กล่าวว่า ขอเตือนผู้ปกครอง อย่านำบุตรหลานวัยเด็ก เข้าร่วมชุมนุมที่ทำเนียบฯเพราะอาจเป็นอันตรายได้ หลังวานนี้มีผู้ปกครองนำเด็กวัยตั้งแต่ 1-5 ขวบ เข้ารับการรักษาจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิงแก๊สน้ำตาซึ่งขณะนี้ทยอยกลับบ้านไปหมดแล้ว

 

 

ที่มา : มติชน คมชัดลึก และประชาทรรศน์

 

หมายเหตุ แก้ไขเพิ่มเติม เมื่อ 18.10 น. วันที่ 9 ต.ค. 51

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท