Skip to main content
sharethis

 


วันนี้ (27 ก.ย.) เวลาประมาณ 10.45 น. ที่หน้าสถานทูตพม่าประจำประเทศไทย ถนนสาทร เครือข่ายสันติภาพเพื่อพม่า (Peace for Burma) ซึ่งประกอบด้วยนักศึกษา และนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในพม่า ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ร่วมชุมนุมเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี การปฎิวัติชายวีจรในพม่า ซึ่งรัฐบาลทหารพม่าได้ปรามปราบการเดินขบวนประท้วงอย่างสันติของพระสงฆ์และประชาชนหลายหมื่นคนในพม่า เมื่อวันที่ 26- 27 กันยายน ปีที่แล้ว


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุมแต่งกายโดยใช้สีแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เป็นสัญลักษณ์ โดยมีบางส่วนแต่งกายเลียนแบบทหารและทำท่าจ่อปืนไปยังผู้ชุมนุม ส่วนกิจกรรมประกอบด้วยการอ่านแถลงการณ์เป็นภาษาไทย พม่า และอังกฤษ เรียกร้องให้นานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศในอาเซียนออกมาแสดงความจริงใจต่อการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับพระสงฆ์และประชาชนพม่า กดดันให้มีการยุติการละเมิดสิทธิ การจับกุมคุมขังประชาชนที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมและประชาธิปไตยในพม่า ร่วมผลักดันให้เกิดประชาธิปไตยในพม่าอย่างแท้จริง รวมทั้งมีมาตรการต่อท่าทีที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเผด็จการทหารในเวทีโลกอย่างจริงจัง


 


นอกจากนี้ ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้ผลัดกันขึ้นปราศรัย ร้องเพลงปลุกใจ สลับกับการตะโกนขับไล่รัฐบาลเผด็จการทหาร SPDC เป็นระยะๆ ในช่วงท้าย มีการปากระดาษเข้าไปในสถานทูตพม่า เพื่อแสดงถึงพลังของประชาชน เขียนข้อความ "Dog Than Shwe" และ "Free Burma" บนพื้นหน้าสถานทูตด้วยสีแดง และยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากการปราบปรามของทหารพม่า 1 นาที ก่อนจะยุติการชุมนุมในเวลาประมาณ 11.45น.


 


กชวรรณ ชัยบุตร สมาชิกในเครือข่ายสันติภาพเพื่อพม่า กล่าวปราศรัยว่า เราไม่เคยลืมว่ารัฐบาลพม่าได้กระทำการโหดเหี้ยมต่อประชาชน รัฐบาลที่ชอบธรรมนั้นจะดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประชาชน ขณะที่รัฐบาลพม่ากลับเอาแก๊งค์นักเลงมาปล้นประเทศ แถลงการณ์ที่ได้อ่านไปนั้นไม่ว่ากี่ภาษาก็ต้องการประณามการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ไม่มีความทุกข์ใดมากไปกว่าการถูกจำกัดเสรีภาพ


 


ทั้งนี้ กชวรรณ กล่าวเสริมว่า ความสกปรกจากการปากระดาษเข้าไปในสถานทูตนั้นเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่รัฐบาลทหารพม่าทำกับประชาชนมาตลอดหลายสิบปี


 


จอว์ ลิน อู นักศึกษาชาวพม่า ซึ่งกำลังศึกษาปริญญาโท ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เล่าว่า เขาอยู่ที่เมืองไทยมากว่า 8 ปีแล้ว โดยเมื่อปีก่อน ตอนที่ได้ทราบข่าวการประท้วงของพระสงฆ์และประชาชนเป็นหมื่นๆ คนก็รู้สึกตื่นเต้น และคิดว่าประชาชนจะชนะ แต่ก็ปรากฎว่าเกิดการปราบปรามขึ้นเสียก่อน


 


"ก็คงต้องสู้ต่อไป" เขากล่าวและว่า การแก้ปัญหาของอาเซียนนั้นไม่ค่อยมีประสิทธิภาพสักเท่าใด เช่นเดียวกับองค์การสหประชาชาติ ซึ่งแม้จะพยายามให้เกิดการเจรจา แต่ก็ยังไม่เป็นผล ทั้งนี้ เขาได้เรียกร้องต่อรัฐบาลไทยว่า พรรคพลังประชาชนนั้นมีสายสัมพันธ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับรัฐบาลทหารพม่าจึงอยากให้ใช้ความสัมพันธ์นั้นเป็นช่องทางให้เกิดการเจรจาขึ้น


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net