นักข่าวพลเมืองรายงาน: ชาวบ้านฝ่าฝนร่วมรณรงค์หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินเขาหินซ้อน

เมื่อวันที่ 14 ก.ย.51  เวลาประมาณ 13.00 น.เครือข่ายติดตามผลกระทบโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต.เขาหินซ้อน (คตฟ.) ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของประชาชนในพื้นที่อำเภอสนามชัยเขต และอำเภอพนมสารคาม พร้อมด้วยนักข่าวพลเมือง ได้ลงพื้นที่ ณ วัดชายเคือง หมู่ 7 ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรณรงค์ให้ความรู้และคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด กำลังการผลิต 600 เมกกะวัตต์ เรื่องผลกระทบจากพลังงานถ่านหิน ซึ่งมีทั้งประเด็นสุขภาพ สภาวะแวดล้อม ภาวะโลกร้อน ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ที่อยู่อาศัย รวมถึงพื้นที่การเกษตร ซึ่งมลพิษดังกล่าว เจือปนมาทั้งทางน้ำและอากาศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในเวที แม้ว่า มีฝนตกหนัก แต่ยังมีชาวบ้านในหมู่บ้านชายเคืองและพื้นที่ใกล้เคียง ในตำบลเกาะขนุนทั้งหมด มาเข้าร่วมประมาณ 200 คน โดยให้ความสนใจ ซักถาม และร่วมลงชื่อคัดค้านจำนวนมาก โดยมีทั้งผู้ร่วมประชุมและไม่ได้ร่วม เนื่องจากแกนนำในหมู่บ้านได้ประสานและให้ความรู้เกี่ยวกับโรงไฟฟ้ามาแล้วระดับหนึ่ง

 

ในเวทีดังกล่าว มีการเปิดวีซีดีรณรงค์เรื่อง ผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่เกิดมาแล้วในจังหวัดระยอง และ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง พร้อมทั้งตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อคัดค้านโรงไฟฟ้า

 

โดยผู้จัดได้เชิญผู้นำท้องถิ่นแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโรงไฟฟ้า โดยนายอดุลย์ แสงจันทร์ นายก อบต.เกาะขนุน กล่าวว่า รู้ว่า บริษัทฯ จะสร้างโรงไฟฟ้า กำลังการผลิต 500 เมกกะวัตต์ แต่โรงไฟฟ้าไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างอื่น และไม่ได้ขอความร่วมมือจาก อบต. ในการสนับสนุนและชี้แจงว่า ตนเองไม่ได้รับเงินตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังพาไปดูงานที่โรงงานไฟฟ้าแม่เมาะ แต่ไม่ได้ลงไปพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรกับการรวมตัวคัดค้านโรงไฟฟ้าของชาวบ้านในครั้งนี้ นายก อบต.เกาะขนุน ตอบว่า "จะยืนเคียงข้างชาวบ้าน หากชาวบ้านไม่เอา ผมก็ไม่เอา"

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทราบเรื่องผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือไม่ นายก อบต. กล่าวว่า "ผมไม่รู้ว่ามีผลกระทบอะไร มากน้อยแค่ไหน"

 

 

นางสาวนันทวัน หาญดี ที่ปรึกษาด้านวิชาการของ คตฟ. กล่าวให้ข้อมูลการดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือเกษตรรุ่งเรือง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัทเนชั่นแนล พาวเวอร์ซัพ พลาย จำกัด โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้ บ.ได้ลงทุนทำธุรกิจด้านโรงไฟฟ้าชีวมวลมาก่อน ต่อมาจึงมาลงทุนธุรกิจพลังงานที่ใช้ถ่านหินร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากสร้างกำไรมหาศาล รวมถึงให้ข้อมูลเรื่องผลกระทบจากถ่านหิน ซึ่งส่งผลถึงสภาพแวดล้อมและสุขภาพของคนในพื้นที่

 

นางสาวนันทวัน กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องกลยุทธ์ของโรงไฟฟ้าในการสร้างความยอมรับจากชุมชนในรูปแบบต่างๆ เช่น การใช้กองทุนพัฒนาพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าแห่งเดิมมาสร้างการยอมรับโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ผ่านการบริจาคเงินให้กับโรงเรียน วัดและหมู่บ้านโดยรอบ, โครงการประชานิยม เช่น ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ แจกต้นกล้ายูคาลิปตัส จ้างแรงงานชั่วคราวเพื่อประชาสัมพันธ์ ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงพิจารณาอีไอเอ รวมถึงการนำชาวบ้านและผู้นำไปดูงานนอกพื้นที่

 

ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ประชาชนที่เข้าร่วมในครั้งนี้ แกนนำ ต.เกาะขนุน ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีสามารถที่จะให้ข้อมูลทางวิชาการและวิเคราะห์กลยุทธ์ของโรงไฟฟ้าให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อย่างครบถ้วน ดังนั้นจึงต้องการความร่วมมือจาก คตฟ.หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ นายวินัย สุวรรณ์ สมาชิก อบต. หมู่ 13 บ้านดอนขี้เหล็ก ต.เกาะขนุน ได้แสดงความเห็นกับแกนนำ ต.เกาะขนุน ว่าควรจะหยุดการเคลื่อนไหว เพราะอย่างไรก็สู้โรงไฟฟ้าไม่ได้ เนื่องจากโครงการนี้เป็นของกลุ่มทุนใหญ่ และให้ข้อมูลว่า โครงการนี้เป็นโรงไฟฟ้าที่ย้ายมาจากระยอง

 

 

นางสุดารัตน์ จิตรจักร ชาวบ้าน หมู่ 7 บ้านดอนท่าไทร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ โรงไฟฟ้าได้ว่าจ้างทำอาหารเลี้ยงชาวบ้านที่มารับบริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของโรงไฟฟ้า ต่อมาเมื่อรู้ข้อมูลมากขึ้น ไม่เอาโรงไฟฟ้าเพราะมีผลกระทบมากเจ็บป่วยไม่หาย ทำเกษตรเช่น มัน ถั่วฝักยาว ใบก็หงิก ไม่คุ้มกับการลงทุน อยากให้สื่อต่างๆ ช่วยเผยแพร่ข่าวสารข้อมูลเรื่องนี้ด้วย

 

ยายช่วย มีสุข ชาวบ้านดอนท่าไทร บอกว่า ไม่เอาโรงไฟฟ้าแน่นอน เพราะส่งผลกระทบถึงลูกหลานในพื้นที่

 

ชาวบ้านหมู่ 3 บ้านแหลมเขา ต.เขาหินซ้อน ที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบคนหนึ่ง บอกว่า ชาวบ้านตรงนั้นไม่เห็นด้วยทั้งนั้น แต่ไม่กล้าออกมา เพราะเป็นเขตอิทธิพล ตอนนี้ที่บ้าน เดือดร้อนมากพออยู่แล้ว เพราะน้ำบ่อก็กินไม่ได้แล้ว เพราะโรงไฟฟ้าปล่อยน้ำเสียลงในคลองระบบซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียง ทั้งยังทำให้ปลาตายด้วย

 

ต่อมา เวลาประมาณ 16.00น. แกนนำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้า ได้นัดหมายแกนนำ คตฟ. มาให้ข้อมูลอีกครั้ง ในวันที่ 21 ก.ย. เวลา 11.00น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท