Skip to main content
sharethis


เวทีชั่วคราวพันธมิตรฯ ก่อนที่จะปรับเป็นเวทีถาวร


 



พันธมิตรปรับเวทีถาวร สมศักดิ์ฝันสร้าง "เมืองพันธมิตร" ไม่ขึ้นรัฐบาล


ความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หลังจากมีการปรับเวทีปราศัยจากเดิมที่เป็นรถขยายเสียงกลายเป็นการตั้งเวทีใหญ่ถาวรบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ตั้งแต่เมื่อเวลา 02.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) นั้น ยังคงมีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมฟังการปราศรัยอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนลดลงจากช่วงค่ำวานนี้ประมาณ 6,000 คน เหลือ 1,000 คน เนื่องจากฝนตกหนักและบางส่วนต้องกลับไปทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะกลับมาร่วมชุมนุมอีกครั้งในช่วงค่ำ


 


นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่าประชาชนพร้อมเดินขบวนขับไล่รัฐบาล หากนายสมัคร ยังไม่ยอมลาออก ทั้งนี้เตรียมสร้างเวทีปราศรัยบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์อย่างถาวรและจะสร้างเมืองใหม่ให้เป็น "เมืองพันธมิตรฯ" ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาล โดยจะเป็นตัวอย่างให้รัฐบาลเห็นว่า มีการวางระเบียบและกฎเกณฑ์ให้ประชาชนชุมนุมอย่างสงบอยู่ในระเบียบวินัยผิดกับรัฐบาลที่ไม่มีศักยภาพในการบริหารประเทศและซ้ำเติมประเทศหลายด้าน



 


 


จำลองปฏิเสธประกาศรัฐอิสระ แค่พูดกันเล่นๆ


ในเวลา 11.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ให้สัมภาษณ์ว่า มีผู้ไม่หวังดีต่อกลุ่มพันธมิตรพยายามโกหกผู้มาร่วมชุมนุมให้เกิดความหวาดกลัว ว่าอาจจะถูกฆ่าตายเหมือนเหตุการณ์พฤษภา 35 นั้น ขอยืนยันว่าไม่เหมือนแน่นอน และข้อเท็จจริงเหตุการณ์พฤษภา 35 นั้นผู้คนถูกฆ่าตายนอกสถานที่ชุมนุมและหลังจากเวลาชุมนุมกัน


 


ผู้สื่อข่าวถามเรื่องการปรับเวทีใหญ่ถาวร พล.ต.จำลองกล่าวว่า เพื่อให้มีความสะดวกต่อการขึ้นลงเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่เป็นเดือนเป็นปี ยังยืนยันว่าการปฏิบัติของกลุ่มพันธมิตรยังเป็นไปตามความุม่งหมายเดิม และทุกอย่างขึ้นกับสถานการณ์


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มพันธมิตรประกาศว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่รัฐอิสระ ปลอดรัฐบาลจริงหรือไม่ พล.ต. จำลองกล่าวว่า ไม่จริง เป็นการพูดกันเล่นๆ อีกอย่างหนึ่ง รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่า ประเทศไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะแบ่งแยกกันไม่ได้ แต่มีนัยยะอย่างหนึ่ง ว่ามีคนอยากไปเกิดในยุคยุคหนึ่ง ถ้าไปเกิดในแผ่นดินนั้นแล้ว จะมีความเพียบพร้อมสมบูรณ์ อยู่กันอย่างพี่น้อง เกื้อกูลกัน คือยุคพระศรีอาริย์ แต่เป็นความผิดพลาดของรัฐบาล ที่ไม่สามารถทำให้ไปอยู่ในนั้นได้ ตอนนี้ประชาชนไทยทุกคนได้อยู่ในยุคภาษีอาน แต่ในบริเวณที่ชุมนุมนี้ได้เข้าสู่ยุคพระศรีอาริย์นิดๆแล้ว ที่นี่อยู่กันอย่างสบายทั้งกลางวันกลางคืน ไม่มีคนมาป่วนทำให้เกิดความเดือดร้อน ตราบใดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่



 


 


"จำลอง" ปัดมีเป้าหมายให้ยุบสภา


พล.ต.จำลองกล่าวอีกว่า เรื่องที่มีข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรเรียกร้องให้มีการยุบสภา ไม่เป็นความจริง ไม่ว่าจะยุบสภาหรือไม่ยุบก็ตาม แต่ถ้าหากมีการยุบสภานั่นแหละจึงจะมีการประชุมกันว่าจะทำอย่างไร ไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะเรียกร้องให้ยุบสภา ส่วนการที่ฝ่ายที่ไม่หวังดีพยายามเอาเรื่องเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นกรณีโจมตีกล่าวหากลุ่มผู้ชุมนุม นั้น ขอบอกว่าเรื่องแบบนี้ตำรวจรู้ดีอยู่แล้ว
 
''หากมีการเสด็จฯ จริงตำรวจจะเป็นคนมาบอกให้เปิดพื้นที่แล้วพสกนิกรที่มาร่วมชุมนุมก็จะนั่งพับเพียบเรียบร้อยเพื่อรอเฝ้าฯรับเสด็จ แต่ครั้งนี้ไม่ไว้ใจตำรวจแล้ว ดังนั้น ขอบอกถึงตำรวจว่าต่อไปจะมาหลอกกันไม่ได้ ตำรวจจะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการเอาตำแหน่งของตนเป็นประกัน''


 


พล.ต.จำลองกล่าวถึงรัฐบาลจะใช้กำลังเข้าสลายม็อบว่า ยังเชื่อมั่นมีอยู่แน่นอนต้องเตรียมตัวพร้อมตลอดเวลา และพร้อมจะเคลื่อนที่อยู่ตามสถานการณ์ ส่วนการที่กลุ่มมหาประชาชนจะมาชุมนุมพื้นที่ใกล้เคียงกันนั้นเห็นว่ามาเพื่อปั่นป่วนมากกว่า เพราะถ้าจะพูดเรื่องสิทธิ เรามาอยู่ก่อน ถ้ากลุ่มเขามาก็หมายความว่ามาท้าตีท้าต่อยใช่หรือไม่


 


เมื่อถามถึงเด็กนักเรียนในละแวกพื้นที่ชุมนุมจะทำหนังสือร้องเรียนทำให้เดือดร้อน พล.ต.จำลองกล่าวว่า หากมีการยื่นมาจริงก็จะรับไว้พิจารณา แต่เรื่องแบบนี้เห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า  เพราะที่จริงแล้วเส้นทางที่จะไปโรงเรียนนั้นมีหลายเส้นทาง


 


 


จับตาเมืองพันธมิตรฯ จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย คาดปักหลักยาวนาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ พล.ต.จำลองจะให้สัมภาษณ์ว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ แต่จากการสร้างเวทีถาวร ทำให้การชุมนุมดูเป็นพื้นที่ซึ่งมีการปักหลักยาวนาน มีการขึงป้ายผ้าไว้ในพื้นที่ชุมนุมว่ามาจากที่ใด เช่น กองทัพธรรมจากสันติอโศก,กลุ่มอาณาจักรนักรบศรีวิชัย, กลุ่มพันธมิตรลุ่มน้ำปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช, กลุ่มนครเขื่อนขันธุ์, กลุ่มค้าปลีกปากช่องโคราช, กลุ่มพันธมิตรกระบี่, กลุ่มพันธมิตรหาดใหญ่, กลุ่มวีรชนบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี, กลุ่มสมุทรสาคร, สมัชชาประชาชนภาคอีสาน จังหวัดสุรินทร์, กลุ่มพันธมิตรพิมาย เป็นต้น จนคนทั่วไปเรียกว่าเมืองพันธมิตร นอกจากนี้ในพื้นที่ชุมนุมยังมีการอำนวยความสะดวกให้กับการชุมนุมและประชาชนที่มาชุมนุม ด้วยการมีโรงครัวกองทัพธรรม โรงบุญมังสวิรัติ แจกจ่ายอาหารให้กับผู้เข้าร่วมชุมนุม มีสถานที่ทำละหมาด มีซุ้มพยาบาล มีเครื่องปั่นไฟฟ้า และยังมีถุงขยะจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ


 


นอกจากนี้ยัง มีชายฉกรรจ์จากกลุ่มพันธมิตรนำลวดหนามมาขึงไว้บริเวณถนนตรงกลาง 3 จุด หน้ากองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม เนื่องจากในตอนกลางคืนมีมอเตอร์ไซค์นับสิบคันมาป่วนการชุมนุม


 


ขณะที่ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยพร้อมโชว์แผนที่การจราจร รอบบริเวณที่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ปิดถนนสะพานมัฆวานฯ ว่าส่งผลกระทบการจราจร ตั้งแต่เช้ารถติดไปถึงปิ่นเกล้าฯ คนเลี่ยงไปใช้ถนนเส้นอื่นแทนราชดำเนินซึ่งเคยจัดการจราจรเสร็จ 9 โมง วันนี้กว่าจะเสร็จกินเวลาถึง 11 โมง จึงจะคลี่คลายได้ เสริมตำรวจจราจรแยกต่างๆ ทั้ง 13 แยกเพิ่มเพื่อช่วยการทำงาน รับแจ้งว่า โรงเรียนวัดมกุฏฯ กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว ในวันที่ 3 มิถุนายน เวลา 09.00 น. จะเรียกประชุมตำรวจรับผิดชอบจราจรพื้นที่ต่อเนื่องถึงผลกระทบทั้งหมดอีกครั้ง


 


 


ผอ.ร.ร.เผยสุริยะใสให้รถเมล์ผ่านแล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.18 น. มีรถประจำทางสาย 53 ได้วิ่งฝ่าผ่านไปยังหลังเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ และได้เฉี่ยวชนรถกระบะที่จอดอยู่ในบริเวณดังกล่าว และได้เกี่ยวเชือกที่ผูกติดกับจอโปรเจคเตอร์ของกลุ่มพันธมิตรฯทำให้จอโปรเจคเตอร์ดังกล่าวล้ม สร้างความแตกตื่นตกใจให้ผู้ชุมนุมเป็นอย่างมาก เกรงว่าจะมีผู้ไม่หวังดีแฝงตัวมา จากการสอบถามพนักงานขับรถสาย 53 คันดังกล่าวได้ความว่า เป็นเที่ยวแรกที่วิ่งผ่านจุดดังกล่าวนับตั้งแต่ปิดถนน ต่อมาได้มีรถประจำทางวิ่งผ่านเข้ามาอีก แต่ถูกผู้ชุมนุมไล่ให้ถอยกลับไป โดยรถประจำทางสาย 53 คันแรก สามารถวิ่งผ่านพื้นที่ชุมนุมได้

ต่อมานายนพพล เหล่าโชติ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม ให้สัมภาษณ์ที่หน้าโรงเรียนว่า ได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เมื่อช่วงบ่าย ตกลงไว้ว่าขอให้รถ
ประจำทางสาย 53 ซึ่งเป็นสายเดียวที่วิ่งผ่านหน้าโรงเรียน วิ่งผ่านได้ 2 เวลา คือ เวลา 06.00-09.00 น. และเวลา 15.00-18.00น. แต่คาดว่าเจ้าหน้าที่พันธมิตร ทั้ง 2 ประตูสื่อสารกันไม่เข้าใจ จึงไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ พรุ่งนี้เช้า (3 มิถุนายน) คงต้องประสานอีกครั้ง ซึ่งอาจให้นักเรียนรวมตัวกันขึ้นรถเมล์เป็นกลุ่มเพื่อความสะดวก ส่วนนักเรียนที่มาสายคงอะลุ้มอล่วย ส่วนที่เกรงว่าการชุมนุมจะกระทบกับโรงเรียนนั้น นักเรียนยังคงมาเรียนตามปกติ และไม่มีปัญหาเรื่องเสียงแต่อย่างใด


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ปกครองบางส่วนได้มาพูดให้กำลังใจเจ้าหน้าที่พันธมิตร โดยมีผู้ปกครองของนักเรียนซึ่งเป็นเด็กออทิสติกรายหนึ่ง กล่าวกับเจ้าหน้าที่พันธมิตรว่า เรื่องรถเป็นเรื่องเล็ก เรื่องชาติเป็นเรื่องใหญ่ ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมทุกคน


 


 


พันธมิตรยอมปรับท่าทีปราศรัยสู้


ด้านนายสุริยะใสว่า จากกรณีการเดินทางไป-กลับโรงเรียนของนักเรียนโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยารามนั้น ได้ประสานให้ผู้ชุมนุมเปิดพื้นที่ให้รถประจำทางสาย 53 และรถโรงเรียนบางส่วนวิ่งผ่านหลังเวทีได้ ส่วนแม่ค้าที่เดือดร้อนยังไม่มีมาร้องเรียน และหน่วยงานราชการที่ยังข้องใจขอให้มาพูดคุยกัน จะได้เกิดปัญหาน้อยที่สุด ส่วนกรณีนักวิชาการบางกลุ่มมีแนวคิดให้ติดริบบิ้นขาว ใส่เสื้อขาว คิดว่าเป็นแนวทางที่ดีและสร้างสรรค์ อยากบอกทุกฝ่ายที่เป็นห่วงจะเกิดความรุนแรงว่า ขอให้ช่วยกันกดดันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า


นายสุริยะใสกล่าวว่า การปราศรัยที่มีการใช้ถ้อยคำหยาบคายนั้น ได้นำเรื่องนี้ประชุมแกนนำและจะปรับการปราศรัย ตั้งแต่เวลา 19.00-22.00 น. บนเวทีจะเน้นสาระ การเปิดโปงระบอบทักษิณ และตีแผ่วาระซ่อนเร้นรัฐบาลหุ่นเชิดเป็นสำคัญ มีผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการมาร่วม เพื่อให้เนื้อหากระชับเข้มข้นขึ้น คิดว่าแพ้ชนะอยู่ตรงนี้ อยู่ที่ความชอบธรรมและเหตุผลที่จะให้คนส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่ได้อยู่ที่ม็อบมากหรือม็อบน้อย


 


 


ชี้เงื่อนไขไม่แตะรธน.จนกว่าคดีแม้วจบ


"กรณีที่มีผู้หวังดีบอกว่าจะให้ถอยสักก้าวก่อนนั้น ที่ผ่านมาคิดว่าท่วงทำนองการเคลื่อนไหวของพันธมิตรไปทีละขั้นตอน ไม่ได้ล้ำหน้ามวลชน หรือรวบรัดตัดตอนอะไรมากมาย ที่เรียกร้องให้ถอยควรเป็นฝ่ายรัฐบาลมากกว่า เพราะวันนี้การแก้ญัตติยังไม่ชัดเจน ยังไม่มีใครตอบได้ แต่ถ้ารัฐบาลประกาศชัดว่าจะไม่แตะต้องรัฐธรรมนูญจนกว่าทุกคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะจบ ไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นบูมเมอแรงย้อนกลับมากดดันพันธมิตรเองก็เป็นได้ ซึ่งถ้ามีความชัดเจนในหลายเรื่อง พันธมิตรก็พร้อมที่จะเข้าที่ประชุมเพื่อทบทวนการเคลื่อนไหวว่าจะถอยหรือเดินหน้า วันนี้ยังคงยืนยันจะปักหลักอย่างสันติ ส่วนกรณีกลุ่มของนายประชาจะมาชุมนุมใกล้กันนั้น เห็นว่าเป็นสิทธิ แต่อย่าให้เกิดการเผชิญหน้า" นายสุริยะใสกล่าว


 


 


"สนธิ" ขอบคุณ ปชช. บริจาคร่วม 20 ล้าน จะเอาไปจ่ายเงินเดือน พนง.


ขณะที่เวลา 20.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะผู้ก่อตั้งASTV พร้อมด้วยตัวแทนพนักงาน ASTV ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันบริจาคเงินให้รวมเบ็ดเสร็จแล้ว 20 ล้านบาท ซึ่งทุกบาททุกสตางค์จะนำไปจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน รวมทั้งนำไปเป็นค่าสัญญาณดาวเทียม และอื่นๆ


 


"เวลานี้ถือว่าพี่น้องทุกคนคนไทยทั้งในประเทศ และทั่วโลกเป็นเจ้าของ ASTV ซึ่งผมขอพูดแทนทุกคนว่าพวกเราจะยึดมั่น และพร้อมเสนอความจริงด้วยความกล้าหาญ ไม่ปกปิด และจะรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จะไม่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจเงิน" นายสนธิ กล่าวยืนยัน


 


นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เคยพูดทำนองว่า ไม่ต้องไม่สนใจ ไอ้ธิ มันสู้ได้ไม่นาน เพราะเงินมันหมดแล้ว ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามันไม่จริง


 


"ขอฝาก ASTV เอาไว้ด้วย แม้ช่องอื่นไม่กล้า แต่เรากล้า เพราะทุกบาททุกสตางค์เป็นของพี่น้อง พนักงานบางคนน้ำตาไหล เพราะมีความหมายต่อชีวิต เพราะเราไม่ได้สู้ให้คนชั่ว แต่สู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และพี่น้องทุกคน ดังนั้นถ้าอยากให้มีสื่อแบบนี้คงอยู่ต่อไปก็โปรดอย่าทิ้งพวกเรา" นายสนธิ ระบุ


 


ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐ ผู้จัดการออนไลน์ และเว็บไซต์มติชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net