Skip to main content
sharethis

เวทีพันธมิตรวานนี้ (28 มี.ค.) เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลาราว 17.00 น. ถึง 23.30 น. โดยมีผู้สับเปลี่ยนขึ้นมาแสดง-ปราศรัยเช่นเคย โดยเริ่มจากกลุ่มนักศึกษา นักวิชาการ นักดนตรี รวมถึงงิ้วธรรมศาสตร์ ประเด็นที่ทุกคนปราศรัยตรงกัน คือเห็นว่า "ทักษิณ-ระบอบเผด็จการทุนนิยมสามานย์" ยังเป็นปัญหาสำคัญของแผ่นดิน ก่อนจะปิดท้ายด้วยการปราศรัยของแกนนำพันธมิตรทั้ง 5 และร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณตน "คำประกาศของประชาชนผู้พิทักษ์ รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" และจบเวที โดยมีกำหนดนัดหมายครั้งใหม่ที่ปลายเดือนเมษายน


 


ทั้งนี้ ยังจะมีการขยายแนวร่วมภาคประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อเคลื่อนไหวในรูปแบบใหม่ คือ การจัดเวทีเสวนาวิชาการสัญจรในส่วนภูมิภาค เพื่อสร้างความเข้าใจในแนวทางการต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรฯ และการใช้คณะกรรมการที่ตั้งขึ้น 6 คณะเพื่อตรวจสอบการแก้ไขปัญหาวิกฤตปัญหาของบ้านเมืองต่างๆ อย่างใกล้ชิด คือ


 


1.คณะทำงานติดตามตรวจสอบความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย 2.คณะกรรมการตรวจสอบการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความยากจน 3.คณะกรรมการตรวจสอบการแทรกแซงสื่อสารมวลชน 4.คณะกรรมการติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5.คณะทำงานติดตามตรวจสอบการคุกคาม กลั่นแกล้ง และการละเมิดศักดิ์ศรี ข้าราชการประจำ 6.คณะกรรมการติดตามตรวจสอบการขายรัฐวิสาหกิจ


 


นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรขึ้นกล่าวเป็นคนสุดท้าย เป็นดั่งช่วงไฮไลท์ของรายการในค่ำคืนนี้ เขากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีคนมาเสนอเงินเขา 500 ล้านบาท เพื่อให้ยุติการกระทำที่เกี่ยวกับคนๆ คนหนึ่ง แต่เขาได้ตอบปฏิเสธ จากนั้นมีใครบางคนพยายามติดต่อขอคุยอีก แต่เขาตอบไปว่า ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะพบกันตอนนี้ ต่อมาไม่นาน ก็มีฝรั่งต่างชาติจากฮ่องกง ติดต่อขอซื้อ ASTV ในราคา 1,500 ล้านบาท เขาได้ถามกลับไปว่า ASTV มีหนี้สินเยอะ ถ้าจะซื้อทำไมไม่ตรวจสอบก่อน ปรากฏว่า ฝรั่งตอบกลับมาว่า ไม่เป็นปัญหาจะรับภาระหนี้สินให้หมด เมื่อถามไปว่าใครที่ต้องการจะซื้อ แต่ทางฝ่ายนั้นไม่บอก เพียงระบุว่าเป็นทุนจากต่างชาติที่ไม่อยากบอกว่าเป็นใคร เขาจึงบอกว่า ก็ไม่เอาด้วยหรอก


 


เมื่อจบการปราศรัยรายบุคคลแล้ว เข้าได้ให้แกนนำทั้ง 5 มายืนบนเวที ร่วมกันอ่านคำปฏิญาณตน "คำประกาศของประชาชนผู้พิทักษ์ รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" โดยมีนายสนธิเป็นผู้นำอ่าน แล้วแกนนำที่เหลืออีก 3 คน คือ นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ยืนรายล้อม


 


นายสนธิอ่านคำปฏิญาณตนนี้ โดยประกาศให้ผู้ที่มารวมงานทั้งหมด ลุกขึ้นยืนแล้วอาขยานตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ผู้ที่มาร่วมเวทีจนล้นห้องประชุมในครั้งนี้จะไม่เคยได้เห็นเนื้อความของคำปฏิญาณ แต่ทั้งหมดก็ยินดีที่จะอาขยานตามที่นายสนธิได้ปฏิญาณตนนำอย่างกึกก้อง ซึ่งทางทีมงานได้เตรียมพร้อมในการนำสไลด์คำปฏิญาณขึ้นฉายทีละข้อเพื่อให้สะดวกในการอ่านตาม


 


 


 

(ภาพจากเว็บไซต์ผู้จัดการ)



"คำประกาศของประชาชนผู้พิทักษ์ รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"


 


โดยที่ประจักษ์ ชัดแจ้งแล้วว่า ระบอบทักษิณ เคยจัดตั้งรัฐบาลขึ้นเป็นระบอบที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศชาติ เป็นระบอบที่ไม่มีอุดมการณ์ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นระบอบที่ทุจริต ฉ้อฉล ปล้นชาติ ปล้นประชาชน กดขี่ข่มเหง และเข่นฆ่าประชาชนนับไม่ถ้วน ดังที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้เป็นที่ชัดเจน บัดนี้ระบอบทักษิณซึ่งเป็นระบอบเผด็จการทุนสามานย์ และกลายเป็นผีดิบไปแล้ว กำลังจะฟื้นคืนชีพมาอีกครั้งหนึ่ง โดยจำแลงแปลงกายเป็นหลายรูปแบบ เพื่อหวังจะหลอกลวงประชาชนชาวไทย ให้หลงเชื่อว่าจะมาช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากความยากจน แต่แท้จริงก็คือระบอบเผด็จการทุนนิยมสามานย์ ที่ปล้นชาติ ปล้นประชาชน และหมายจะล้มล้างสถาบันต่างๆ ของประเทศไทย ที่บรรพบุรุษไทยได้สร้างสรรค์มา


 


กระผมจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทย ผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทุกหมู่เหล่า ทุกภาค ทุกเพศวัย ทั่วประเทศไทยและทั่วโลก ภายใต้การนำของพันธมิตรของประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ลุกขึ้นยืนเพื่อร่วมกันประกาศคำปฏิญาณนี้ ให้ปรากฏไว้ในแผ่นดินอย่างพร้อมเพรียงกัน


 


ข้อที่ 1 ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และระบอบเผด็จการทุนนิยมสามานย์ ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของแผ่นดินเหมือนดังเดิม


 


ข้าพเจ้าจะร่วมกันขยายเครือข่ายประชาชนทุกสาขาอาชีพ ต่อต้านเผด็จการทุนนิยมสามานย์ทุกวิถีทาง ทุกรูปแบบ จนถึงที่สุด และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ


 


ข้าพเจ้าจะร่วมกันต่อต้านการกระทำของรัฐบาลหุ่นเชิด ที่ไม่ซื่อตรงต่อคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ต่อหน้าพระพักตร์องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และจะคัดค้านพฤติกรรมทั้งปวงที่ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ลบล้างความผิดส่วนตน ตลอดจนละเลยการทำงาน เสียสละ เพื่อคนไทย 63 ล้านคน


 


ข้าพเจ้าจะร่วมกันสนับสนุน เชิดชู และปกป้อง ข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ให้รอดพ้นจากการข่มเหงรังแก และจองล้างจองเวรจากระบอบทักษิณ แห่งเผด็จการทุนนิยมสามานย์ ในขณะเดียวกันจะร่วมกันดำเนินการเพื่อขจัดคนไม่ดี และรัฐมนตรีอันธพาลทั้งหลายให้พ้นจากอำนาจในการปกครองบ้านเมือง ในทุกวิถีทาง ตามรัฐธรรมนูญ


 


ข้าพเจ้าขอรวมพลัง ส่งกำลังใจ ให้กระบวนการยุติธรรม พิพากษาคดีความ ที่เป็นวิกฤตการณ์ ฉ้อฉลทางการเมือง ครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยความกล้าหาญ และรวดเร็ว เพื่อนำความสงบสุข กลับคืนมาสู่สังคมไทย พวกเราพร้อมใจกันร้องไชโยกัน 3 ครั้ง เพื่อยืนยันในเจตนารมณ์อันนี้ ไช (โย) ไช (โย) ไช (โย)"


 


 


 


สำหรับแกนนำคนอื่นๆ นั้น ได้ปราศรัยก่อนหน้าแล้ว อาทิ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า ที่มาพบกันเพื่อสัมมนาทางวิชาการในวันนี้ ก็เพื่อศึกษาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกำลังทำอะไร จำเป็นต้องพูดคุยกันว่าสถานการณ์บ้านเมืองอะไรกำลังเกิดขึ้น ซึ่งสืบเนื่องมาจากอดีตที่สังคมไทยมีปัญหาสะสมมานานและมีเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ


 


พิภพกล่าวว่าสังคมไทยเผชิญกับการละเมิดกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งต้องถูกตรวจสอบโดย กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง)


 


นายพิภพระบุว่า นโยบายประชานิยมอันเป็นแนวการบริหารหลักของรัฐบาลทักษิณและนายสมัคร สุนทรเวชนั้นต่างก็ไม่ทำให้คนจนดีขึ้น คนจนยังจนอยู่ เพราะขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่กล้าแก้โครงสร้างที่แท้จริงที่ทำให้คนจน เขาไม่สนับสนุนการดำรงชีพให้มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แม้แต่การเรียนฟรีก็มีปัญหา


 


"หลาย 10-20 ปีที่ผ่านมา เราทำให้เขาจนมาตลอด เราเอาเปรียบคนจนมาตลอด พอคุณทักษิณบอกว่าจะให้เข้าถึงมี 30 บาทรักษาทุกโรค มีกองทุนหมู่บ้าน แต่ต่อมาพรรคพลังประชาชนไม่เคยเปลี่ยนให้นโยบายประชานิยมกลายเป็นสวัสดิการ นับเป็นหน้าที่ของคนชั้นกลางในเมือง ใน กทม. และต่างจังหวัดจะต้องช่วยกันดูแล ให้กลายเป็นสวัสดิการเพื่อคนอยากจนอย่างแท้จริง" นายพิภพกล่าว


 


นายพิภพกล่าวว่า เราเห็นภาพพลังประชาชนแทรกแซงการดำเนินการในบางคดี ถือเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย เพราะคุณทักษิณไม่ต้องการขึ้นศาล ยังมีปัญหาว่าคุณทักษิณจะถูกเปลือยในศาล ข้อมูลที่ คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำให้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อแผ่นดิน) ทำไว้ จะบอกว่าทำอะไรบ้าง นักการเมืองร่วมพรรคทำอะไรบ้าง ซึ่งสิ่งที่ทำไว้จะถูกเปิดเผยในศาล และการต่อสู้คดีจะยาวนานหลายสิบปี คุณทักษิณจะยอมไหม" นายพิภพอธิบาย พร้อมกล่าวต่อว่า ดังนั้น การแก้ ม.309 จึงเป็นเรื่องหลักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งนายพิภพระบุว่า ถ้าแก้ได้ก็จะทำให้ คตส. หมดหน้าที่ และคดีต่างๆ จะหลุดไป


 


 


นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า การมาร่วมกันในเวทีนี้ เขาไม่ใช่พวกหน่วยป่วนกรุง แต่เป็นหน่วยที่เอาสติปัญญามาให้ เป็นเวทีที่ตรงไปตรงมา และเป็นสิทธิที่ประชาชนสามารถทำได้ และวันนี้เราจะต้องอยู่กับความจริง ต้องไม่มีอคติกับคนใดคนหนึ่ง ต้องทำหน้าที่พลเมืองดีของประเทศ ดังนั้น แทนที่รัฐบาลจะออกมาคัดค้านหรือต่อต้าน ก็ควรหันมาสนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองตามสิทธิที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ


 


นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ประกาศท้า 5 แกนนำพันธมิตรฯ มาดิเบตเรื่องรัฐธรรมนูญว่า ไม่เห็นด้วยกับการท้าทายของ ร.ต.อ.เฉลิม การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ไม่ได้มุ่งหวังเพื่อจ้องดิสเครดิตรัฐบาล หรือจ้องล้มใครบางคน พันธมิตรฯ ต้องการสันติ ต้องการเสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์อะไรวุ่นวาย สิ่งที่พันธมิตรฯ กระทำอยู่ในทุกวันนี้ เป็นการทำหน้าที่ที่ดีในสังคมไทย และเพื่อให้เกิดความถูกต้อง


 


ส่วนความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ทั้งที่พึ่งเข้ามาบริหารประเทศได้ไม่นานนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้รู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้ รัฐบาลกำลังทำในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางสมานฉันท์ ที่ต้องการให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขวิกฤตของชาติ แต่รัฐบาลกำลังจะทำเพื่อพวกพ้องตัวเอง และเพื่อใครบางคน โดยไม่สนใจถึงอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นจึงขอเตือนรัฐบาล อย่าทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอีก เพราะมันจะไม่เกิดผลดีต่อประเทศเลย


 


 "บ้านเมืองจะพังเพราะเรามีผู้นำที่โกงทุจริตคอรัปชั่น ไม่ไช่เพราะรัฐธรรมนูญ เราต้องร่วมกำจัดนักการเมืองโกง หากประเทศหยุดเรื่องเหล่านี้ได้ คนที่มาร่วมกันอยู่ ณ ที่นี้มีอันจะกินทุกคนแน่นอน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบจากภาคประชาชน ต้องเปิดทางให้มีการตรวจสอบ แล้วเราจะได้คนสะอาดเข้ามาบริหารประเทศ" นายสมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย


 


 


นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรกล่าวว่า ตามนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้ได้แถลงต่อรัฐสภาที่บอกว่าปีแรกจะทำ 19 ข้อนั้น ไม่มีข้อไหนที่ระบุว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นในหน้า 28 หน้าสุดท้ายยังบอกว่า รัฐธรรมนูญนี้ผ่านการลงประชามติมา ถ้าจะมีการแก้ไขก็ต้องทบทวนศึกษาให้ดี แต่เมื่อถึงภาวะจนตรอกด้วยเหตุ 3 เรื่อง 1.คดีที่จะสิ้นสุดและมีคำพิพากษาในกลางปีนี้ อาชญากรของชาติจึงคิดทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด และคนพวกนี้เคยซื้อศาลมาแล้วจากคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทย 2.รัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลหุ่นเชิดจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ หลังประธานรัฐสภาต้องหยุด ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นจุดอัปลักษณ์ที่สุดอันหนึ่งของประเทศ เขาจึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตัวเองพ้นผิด และ 3.พรรคการเมืองที่ตนเอง และกรรมการบริหารพรรคซื้อเสียง อยากจะแก้ไขกฎหมาย ให้การซื้อเสียงที่ผิดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และให้สังคม ประเทศชาติเป็นผู้ผิด ภาวะจนตรอก 3 เรื่องนี้ นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่นโยบายไม่ได้พูดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย จึงเป็นนโยบายที่หลอกลวงประชาชน และดัดจริต


 


นายสมเกียรติ ย้ำว่า รัฐบาลนี้คือรัฐบาลที่อัปลักษณ์ที่สุดใน 800 ปีของประวัติศาสตร์ไทย และยุคนี้ก็เข้ากับภาษิตที่ว่า กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอยน้ำเต้าน้อยจะถอยจม ทหารที่ฉวยโอกาสเข้ามาก่อรัฐประหารหลังจากประชาชนเคลื่อนไหวมา 7 เดือน ก็ได้รัฐบาลที่อ่อนแอที่สุดในโลก เมื่อได้รัฐบาลใหม่ก็เป็นรัฐบาลที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลก


 


นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ในอดีตประชาชนเคยกระทืบรัฐสภามาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกนักศึกษา 8 แสนคนเคยไล่ผู้นำที่เป็นนายพลออกนอกประเทศมาแล้ว ครั้งที่ 2 เดือนพฤษภาคม 2535 พรรคสามัคคีธรรมซึ่งเป้ฯที่รวมของเปรตทางการเมืองก็ถูกประชาชนไล่กระทืบ และครั้งที่ 3 ระบอบทักษิณที่ข่มขืนประเทศไทย แทรกแซงองค์กรอิสระ ฉีกรัฐธรรมนูญ ก็ถูกประชาชนขับไล่ และคราวนี้เป็นวิกฤติรัฐธรรมนูญครั้งที่ 4 และประชาชนจะออกมามากถึง 4 เท่าจากครั้งแรก


 


นายสมเกียรติได้เรียกร้องให้ประชาชนทำหน้าที่ต่อไปตามมาตรา 70 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุให้บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมาตรา 71 บอกไว้ว่า บุคคลย่อมมีหน้าที่ป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ถ้านักการเมืองจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพวกตน ประชาชนต้องจัดการตามมาตรา 71 นี้ นี่คือพลังของประชาชนอันยิ่งใหญ่ และขอแสดงความเครารพอย่างสูงต่อพลังทางศีลธรรม และอีกไม่นานเราจะพบวันที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ พลังทางศีลธรรมจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง


 


ด้านนักวิชาการที่ขึ้นปราศรัย อาทิ นายจรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า มีคนพูดว่ามียาลดความอ้วนขนานใหม่โดยไม่ต้องซื้อ แค่เปิดดูรายการข่าวการเมืองที่มีนายสมัครและ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คนจะมีอาการอยากอ้วก ถ้าดูทุกวันอ้วกทุกวันก็จะผอมได้ เวลานี้รัฐบาลกำลังให้สื่อกลัว มีการปลดอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ถอดรายการวิทยุ ทำให้ข้าราชการกลัว โดยปลดข้าราชการ และกำลังคิดแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ทั้งที่เจตนารมณ์ให้พรรคการเมืองมีธรรมาภิบาล


 


''คนแก้มาจากฝั่งรัฐบาล และคนทำผิดเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เหมือนคนที่ทำผิดกฎหมายขอแก้กฎหมาย ไม่ชอบธรรม ยอมรับมาตรานี้เป็นยาแรง แต่โรคที่เป็นคือเอชไอวีทางการเมืองที่แพร่ไปทั้งตัว กินพาราเซตามอลไม่หาย ต้องกินยาแก้เอดส์ ไม่อย่างนั้นประเทศไทยก็จะอยู่อย่างนี้อีก 70 ปี นักการเมืองเข้ามาซื้อสัมปทานกันตลอด'' นายจรัสกล่าว


 


สำหรับบรรยากาศงานภายนอกบริเวณงาน บริเวณสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามหอประชุมใหญ่ มธ. ได้มีกลุ่มประชาชนกว่า 500 คน  ถือป้ายผ้าที่เขียนด้วยข้อความพาดพิงถึงกลุ่มพันธมิตร และกลุ่มทหาร พร้อมกับใช้เครื่องขยายเสียง ปลุกอารมณ์ ด่า โห่ไล่กลุ่มพันธมิตรฯ อยู่ตลอดเวลา


 


และเมื่อเวลา 17.30 น. ได้มีเหตุชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มพันธมิตร ได้ถือป้ายผ้าที่มีรูปคล้ายนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เขียนข้อความด้วยข้อความหยาบคาย ทำให้กลุ่มตรงกันข้ามเกิดความไม่พอใจ โห่ไล่ และตะโกนด่า จากนั้นมีชายไม่ทราบชื่อจากฝั่งตรงข้างเดินเข้ามาโวยวายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าไม่ได้ดูแลกลุ่มที่อยู่ตรงข้าม ทางเจ้าหน้าที่จึงเดินเข้ามาระงับ และเชิญให้กลับไปที่เดิม ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมตรงข้าม มธ. เข้าใจผิดว่า ตำรวจทำร้ายประชาชน จึงได้ขว้างกระป๋องน้ำ แก้ว เข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกลุ่มพันธมิตร


 


เหตุการณ์ชุลมุนดังกล่าวนานประมาณ 10 นาที ทางเจ้าหน้าที่จึงเกณฑ์คนกลุ่มพันธมิตรให้เข้าไปยังด้านในมธ. และปิดประตูรั้ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุทะเลาะกันอีก


 


อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ยังไม่ยุติ เมื่อเวลา 18.30 น. ทางกลุ่มผู้ชุมนุมตรงข้ามได้ขว้างขวดน้ำ และขวดแก้ว ก้อนหิน ใส่เจ้าหน้าที่ และอ้างว่า กลุ่มพันธมิตรหันเครื่องขยายเสียงเข้าหากลุ่มตน และพูดจาเสียดสี ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมตรงข้ามระงับอารมณ์ไม่อยู่


 


นอกจากนี้ ยังปรากฏว่าเว็บไซต์ผู้จัดการรายงานข่าวโดยอ้างถึงการรายงานข่าวของสำนักข่าวเนชั่น กรณีกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ที่รวมตัวกันอยู่บริเวณท้องสนามหลวง โดยรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ตำรวจซึ่งควบคุมกลุ่มผู้คัดค้านที่ปักหลักอยู่บริเวณสนามหลวง ได้ประกาศเตือนประชาชนที่อยู่ในฝังสนามหลวง ว่า มีสายข่าวรายงานว่า มีผู้เห็นผู้กลุ่มผู้ไม่หวังดี ซึ่งตำรวจไม่ได้ระบุว่าเป็นกลุ่มใดได้รื้ออิฐตัวหนอนที่ปูไว้ที่สนามหลวง ซึ่งตำรวจคาดว่า จะนำไปเพื่อเตรียมการก่อความไม่สงบ จึงประกาศเตือนประชาชนที่อยู่ใกล้บริเวณสนามหลวง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว หลีกเลี่ยงบริเวณดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม จนล่าสุดก็ยังไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น และยังไม่สามารถสรุปได้ว่า อิฐตัวหนอนถูกรื้อไปจริงหรือไม่


 


ก่อนปิดเวที นายสนธิย้ำกับผู้เข้าร่วมว่า เจอกันครั้งหน้า ให้แต่ละคนพาเพิ่มมาเพิ่ม 1 คน และเพื่อนก็พาเพื่อนมาเพิ่มอีก 1 คน เพิ่มไปเป็นทวีคูณ เพื่อมาเอาพลังบริสุทธิ์ โดยมีนัดหมายครั้งต่อไป ที่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน 2551


 


 


ประมวลจาก เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ มติชน และไอเอ็นเอ็น


 


 


 


อ่านข่าวก่อนหน้า :


"พันธมิตรเด็ก" ประเดิมเวทียามฯ เซอร์ไพรส์ "สองไม่เอา" ร่วมแจม


"หนุ่มหล่อประจำพันธมิตร" แถลงขู่ "ทันทีที่แก้รธน. พันธมิตรจะเคลื่อนไหว"


จำลองปฏิเสธ แตกคอพันธมิตร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net