Skip to main content
sharethis

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า แหล่งข่าวจากกระทรวงไอซีที ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดการกับเว็บไซต์ที่เข้าข่ายมีความผิดร้ายแรงว่า การแก้ไขปัญหาในเชิงกฎหมายสามารถดำเนินการได้เฉพาะกรณีในประเทศ แต่กรณีต่างประเทศ กระทรวงไอซีทีกำลังเตรียมการโครงการแฮค แอนด์ แครก คือถ้าพบเว็บไซต์ที่มีความผิดร้ายแรง โดยเฉพาะการหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจคนไทยทั้งประเทศ อาจใช้วิธีการแฮคและลบข้อมูลในเว็บไซต์แห่งนั้น เพราะหากรอกระบวนการทางกฎหมาย อาจไม่ทันต่อเหตุการณ์



 


"การกระทำลักษณะนี้อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอยู่บ้าง แต่บางครั้งก็ต้องยอมแลก ถ้าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้จริงๆ" แหล่งข่าวระบุ


 



ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ประกาศขายสินค้าต่างๆ เช่น ปฏิทิน ตุ๊กตา กระเป๋า หมวก เสื้อ แก้วน้ำ นาฬิกา กางเกง และ กางเกงใน โดยสินค้าทุกประเภทจะมีรูปพระพุทธรูปปางสมาธินั่งอยู่บนดอกบัว และที่บริเวณใบหน้าขององค์พระจะมีรูปสุนัขพิมพ์ติดอยู่แทน โดยเว็บไซต์ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ถึงขั้นมีการตั้งกระทู้ขึ้นมาตอบโต้


 



ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่าได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กองบังคับการปราบปราม และไอซีที ค็อป แล้ว ได้ข้อสรุปว่าจะมอบหมายให้ นายศราวุธ เพชรพนมพร เลขานุการ รมว.ไอซีที เป็นผู้รับผิดชอบประสานงานเก็บรวบรวมหลักฐานตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จากนั้นจะยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอหมายในการปิดกั้นเว็บไซต์ดังกล่าว และดำเนินคดีกับผู้กระทำ ซึ่งหากเกิดขึ้นในประเทศก็มีโทษปรับและจำคุก



 


อย่างไรก็ตาม หากการกระทำเกิดขึ้นในต่างประเทศ ยอมรับว่าการแก้ไขจะทำได้ยาก ที่ผ่านมาจึงใช้วิธีขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบในต่างประเทศ หรือผู้ดูแลเว็บไซต์นั้นๆ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการแก้ไขหรือลบข้อมูล โดยเฉพาะหากเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการหมิ่นเบื้องสูง


 



 "กระทรวงมีไอซีทีค็อป 30 คน การจะให้ความดูแลอย่างทั่วถึงถือเป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยนักท่องเน็ตหรือผู้ดูแลเว็บไซต์ช่วยกันเฝ้าระวัง หากพบสิ่งผิดปกติก็รีบแก้ไข หรือแจ้งมายังกระทรวงเพื่อดำเนินการต่อไป" นายมั่น ระบุ


 



ด้าน นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รักษาการผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่าเมื่อทราบเรื่องก็รู้สึกไม่สบายใจ และเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบกระเทือนจิตใจชาวพุทธทั่วทั้งประเทศ


 



เว็บไซต์ดังกล่าวนี้ ทางศูนย์เทคโนโลยี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ทางศูนย์ฯ จึงได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงไอซีทีเพื่อให้ดำเนินการปิดเว็บไซต์ดังกล่าวแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ก็ยังพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวยังเปิดให้บริการอยู่ นอกจากนั้นยังทำหนังสือไปยังกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการทางการทูตอีกทางหนึ่งด้วย



"หากภายใน 1 เดือน ยังไม่มีการแก้ไขปัญหา ผมจะเข้าไปขอความร่วมมือจาก พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าของฉายาตำรวจอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ดำเนินการปิดเว็บไซต์ดังกล่าว" นายบุญเชิด กล่าว และว่าที่ผ่านมาพบว่ามีเว็บไซต์หลายแห่ง นำสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาไปใช้ในธุรกิจ ซึ่งทางศูนย์เทคโนโลยี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการปิดเว็บไซต์ลักษณะดังกล่าวไปแล้วจำนวน 5 แห่ง


 


 


 


........................................
เรียบเรียงจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net