ผู้จัดการโรงเรียนรุ่งโรจน์วิทยา ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้รักความยุติธรรมทั่วโลกผ่านสื่อมวลชน ขอความเป็นธรรมเพื่อเสริมสร้างสันติสุข ระบุจับครูโรงเรียนไปซ้อมและทรมาน
โดยจดหมายเปิดผนึกลงนามโดย นายนัสรูดิน กะจิ ผู้จัดการ โรงเรียนรุ่งโรจน์วิทยาให้รายละเอียดว่า วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 กองกำลังทหารพรานและ ตชด. ประมาณ 200 กว่านายกระจายกองกำลังเข้าล้อมโรงเรียน และเข้าตรวจค้นบ้านพักครูและชาวบ้านโดยไม่มีหมายค้นหรือหลักฐานใดที่บ่งบอกถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้มาเยือน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีกลุ่มกองกำลังติดอาวุธชุดหนึ่งเข้ามาในบริเวณสำนักงานโรงเรียน และในขณะนั้นมีครูนั่งทำงานในสำนักงานเพียงคนเดียวเท่านั้น เพียงเวลาไม่กี่นาทีที่ครูนั่งทำงานก็ได้มีเจ้าหน้าที่จูโจมเข้ามาโดยไม่รู้ตัวมาก่อนและข่มขู่ถามไถ่ถึงเรื่องต่างๆ รวมถึงให้โทรตามผู้บริหารทุกคน
นอกจากนี้กองกำลังอีกกองหนึ่งได้ไปที่บ้านพักของผู้รับใบอนุญาต ซึ่งขณะนั้นมีนายอามีนูดีน และภรรยาพร้อมลูกสาววัย 1 ขวบ ของผู้รับใบอนุญาต โดยที่นายอามีนนูดีนพยายามไกล่เกลี่ย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ฟังแสดงพฤติกรรมที่ไร้มารยาท และได้จับตัวนายอามีนูดีนมาที่หน้าห้องสำนักงานโรงเรียนอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังรวบตัวครูผู้ชาย 1 คน นักเรียนชาย 2 คน มาที่หน้าสำนักงานโรงเรียน และไม่นานก็มีครูอับดลรอหมาน เข้ามาเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับโดนจับตัวโดยไร้เหตุผล โดยเจ้าหน้าที่เรียกดูบัตรประจำตัวประชาชน แต่เนื่องจากครูอับดลรอหมานไม่ได้พกมา เพราะเพิ่งเสร็จจากการทำไก่ (เฉือดไก่) ที่บ้าน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สรุปดื้อๆ ว่าครูอับดลรอหมานไม่ใช่คนไทย
ทั้งนี้ในระหว่างที่เหตุการณ์ชุลมุนอยู่นั้นเจ้าหน้าที่บางคนรวมถึงคนที่ใส่หน้ากาก (ไอ้โม่ง) ใช้คำพูดไม่สุภาพ แข็งกร้าวและข่มขู่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รวบตัวมารวมที่หน้าสำนักงาน เจ้าหน้าที่กองกำลังติดอาวุธก็ได้จับตัว นายอับดลรอหมาน สอมัน ตำแหน่งครูสอนภาควิชาสามัญและหัวหน้าฝ่ายวิชาการสามัญ และนายอามีนูดีน กะจิ ตำแหน่งครูสอนภาควิชาศาสนา โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงตนว่าเป็นใคร หน่วยงานใด และไม่มีเอกสารยืนยันในการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้
จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. ได้ปล่อยตัวนายอับดลรอหมาน สอมัน โดยยังคงรั้งตัวนายอามีนูดีน กะจิ ไว้ โดยญาติที่ติดตามไปด้วยได้เฝ้าสังเกตการณ์จนถึงเวลาประมาณ 21.00 น. จึงได้เดินทางกลับ
ต่อมาวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลาประมาณ 14.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ไปรับตัวนายอามีนนูดีน กะจิ ที่ค่ายดังกล่าว แต่เมื่อไปถึงระหว่างทางญาติได้ไปโทรศัพท์ไปที่ค่ายว่านายอามีนูดีน กะจิเป็นอย่างไรบ้าง และได้รับคำตอบว่า "สบายดี" "กินข้าวแล้ว" จึงเอะใจ แล้วโทรศัพท์ไปถามที่ค่ายอิงคยุทธ์ฯ ได้รับคำตอบว่าเพิ่งมาถึง จึงกลับรถไปที่ค่ายอิงคยุทธ์ ฯ เมื่อไปถึงที่ค่ายอิงคยุทธ์ ปรากฏว่าถูกห้ามเข้าพบนายอามีนูดีน กะจิ นอกจากนี้ในเวลาประมาณ 18.00 น. ญาติได้รับแจ้งว่านายอามีนูดีน กะจิ ถูกส่งตัวไปให้ตำรวจภาค 9 ทั้งๆ ที่นายอามีนูดีน กะจิยังอยู่ที่ค่ายอิงคยุทธ์
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 22.15 นาที ภายหลังการปล่อยตัว จากคำบอกเล่าจากอามีนูดีน กะจิ เล่าว่า ขณะอยู่ในค่าย ฉก.43 อ.นาทวี ถูกรุมทำร้ายร่างกายโดยเจ้าหน้าที่ 5 นาย ตั้งคำถามกลับไปกลับมา ทั้งซ้อม ทั้งเตะ เหยียบ ตบหู ครั้งที่ 1 ข้างซ้าย ผู้เสียหายบอกว่า " หูผมข้างซ้ายไม่ได้ยิน " เจ้าหน้าที่ พูดตอบกลับว่า " เดี๋ยวกูจะทำให้ไม่ได้ยินทั้ง 2 ข้าง " พร้อมตบหูอย่างรุนแรงทั้ง 2 ข้าง ข่มขู่ให้รับสารภาพคดียิงครูที่ตำบลสะพานไม้แก่น และคดีวางระเบิดที่บ้านน้ำเค็ม หมู่ 9 ตำบลบ้านนา และนายอามีนูดีน ได้กล่าวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
กลุ่มเจ้าหน้าที่ยังกล่าวหาผู้เสียหายว่าอยู่ในขบวนการ ฯ พร้อมเตะบริเวณเอวด้านหลังอย่างรุนแรงจนผู้เสียหายเองกระอัก หายใจไม่ออก ทั้งๆ ที่ผู้เสียหายได้บอกว่า "หายใจไม่ออก" เมื่อพูดจบประโยคเจ้าหน้าที่ก็ลงมือเหยียบคอซ้ำ และกระทำการอย่างนั้นเป็นจำนวน 3 ครั้ง ติดต่อกัน ตรงบริเวณเดิม และใช้ปืนจ่อหัว หนำซ้ำยังใช้มีดจี้บริเวณต้นคอด้วย
รายละเอียดในจดหมายเปิดผนึกยังระบุว่า เจ้าหน้าที่ให้ผู้เสียหายให้เลือกระหว่าง 2 อย่าง "มึงจะตายที่นี่" หรือ "มึงจะตายข้างนอก" "ถ้ามึงจะตายข้างนอกกูจะให้ปืนแล้วมึงหนีให้พ้น" แต่ผู้เสียหายนิ่งเงียบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ใช้ผ้าห่มผูกปมขนาดใหญ่ทุบบนกะโหลกศีรษะประมาณ 50 ครั้ง ใช้ถุงพลาสติกสวมหัวและรัดจนหายใจไม่ออก 3 ครั้ง ใช้มือบีบคอโดยสวมถุงมือ ระยะเวลาในการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. - 02.30 น. ก่อนที่จะถูกส่งไปที่ค่ายอิงคยุทธ์
ทั้งนี้ อาการเบื้องต้นพบบริเวณคิ้วด้านซ้ายบวมช้ำ กะโหลกศีรษะช้ำ เกิดรอยช้ำบริเวณต้นแขน แผ่นหลัง ปวดบริเวณกะโหลก หูอื้อทั้ง 2 ข้าง และหลังจากญาติพร้อมนายอามีนูดีน กะจิ เดินทางกลับถึงอำเภอจะนะ และเข้าตรวจร่างกายเบื้องต้นที่โรงพยาบาลจะนะ ผลการตรวจปรากฎว่า แก้วหูทะลุทั้ง 2 ข้าง และหู้อื้อมาก จึงทำหนังสือส่งตัวไปยังโรงเพยาบาลหาดใหญ่ จากนั้นจึงเข้าแจ้งความฟ้องร้องที่ สภ.อ.จะนะ โดยที่นายอำเภอจะนะ และผู้กำกับ สภ.อ.จะนะ ได้ลงความเห็นให้แจ้งที่ศูนย์ดำรงธรรมของอำเภอเป็นเบื้องต้น และได้เข้าไปแจ้งความที่ สภ.อ.จะนะและรับเรื่องไว้ หลังจากนั้นผู้กำกับ สภ.อ.จะนะก็ได้นำไปที่ สภ.อ.นาทวีเพื่อไปแจ้งความเพราะเหตุเกิดที่เขต สภ.อ.นาทวี
0 0 0
อ่านรายละเอียดฉบับเต็ม
จดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
พร้อมทั้งผู้รักความยุติธรรมทั่วโลกผ่านสื่อมวลชน
ที่ พิเศษ/2551 โรงเรียนรุ่งโรจน์วิทยา
48 ม.7 ต.บ้านนา อ.จะนะ
จ. สงขลา 90130
7 กุมภาพันธ์ 2551
เรื่อง ขอความเป็นธรรมเพื่อเสริมสร้างสันติสุข
เรียน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ด้วยโรงเรียนรุ่งโรจน์วิทยาเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามตามใบอนุญาตเลขที่ 432/2512 ออกให้โดยศาลากลางจังหวัดสงขลา เปิดทำการเรียนการสอน 2 ภาควิชา คือ ภาควิชาสามัญเปิดสอนตั้งแต่ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6 และภาควิชาศาสนาเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอิสลามศึกษาปีที่ 1 ถึง อิสลามศึกษาปีที่ 10 ปีการศึกษา 2550 มีนักเรียนทั้งหมด 726 คน มีบุคลากรทางการศึกษาจำนวน 53 คน
เดือนเมษายน ปีพุทธศักราช 2537 โรงเรียนรุ่งโรจน์วิทยาได้รับมรสุมกระหน่ำอย่างร้ายแรงได้มีการจับกุมครูผู้สอน (อุซตาซ) จำนวน 4 คน โดยตั้งขอหาทั้งหมด 9 ข้อหา เพื่อการดำเนินคดีกับบุคลดังกล่าว (ในนามของสื่อคือที่ออกมาประโคมคือคดี 4 โต๊ะครู) ใช้เวลาในการสู้คดีเป็นเวลา 5 ปี
กลางปี 2542 คดี 4 โต๊ะครูได้รับการยกฟ้องจากศาลจังหวัดสงขลา แต่ผลประกฎภายหลังการยกฟ้องไม่มีหน่วยงานใดเข้ามารับผิดชอบและเยียวยาแก่บุคคลและสถานศึกษาดังกล่าว ซึ่งได้รับความเสียหายทั้งทางด้านจิตใจ ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ และทรัพย์สิน
ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เหตุการณ์อันเลวร้ายของวันนั้นทำให้การเยียวยารักษาสภาพจิตใจให้กลับมาคงเดิมจะต้องใช้ระยะเวลายาวนาน และกว่าจะกู้ชื่อเสียงเรียงนามกลับมาได้อีกครั้งมันไม่ง่ายจะต้องใช้ระยะเวลาเช่นกัน ความเจ็บปวดครั้งนี้ไม่สามารถบรรยายได้ถ้าไม่เกิดขึ้นเองกับบรรดาญาติพี่น้อง มิตรสหายและผู้ใกล้ชิด ของเราเอง
ปี 2550 โรงเรียนรุ่งโรจน์วิทยาได้ขยายอาคารเพื่อรองรับกับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นทุกปี และในวันที่ 23 -24 กุมภาพันธ์จะถึงนี้ โรงเรียนมีโครงการที่จะจัดงานครบรอบ 55 ปีรำลึก โรงเรียนรุ่งโรจน์วิทยาเพื่อหารายได้สมทบทุนจัดสร้างอาคารเรียนและจัดซื้ออุปกรณ์ทางการศึกษา แต่ด้วยความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า และความต้องการของกฎหมายบ้านเมือง (บางส่วน) ทำให้ความตั้งใจของเราชาวรุ่งโรจน์วิทยาทุกคนที่มีใจเต็มร้อยกลับต้องมาสูญเสียขวัญและกำลังใจอย่างรุนแรงและยากที่จะเรียกขวัญนั้นกลับคืนมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ
เนื่องจากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุการณ์มาบันทอนสะเทือนจิตใจของพวกเรานั้นก็คือ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 มีกองกำลังทหารพรานและตชด.ที่ไม่ทราบจำนวน (ประมาณ 200 กว่านาย) ได้ทำการล้อมรอบทุกอณูบริเวณโรงเรียน ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นแตกตื่น และหวาดผวากับเหตุการณ์ในครั้งนั้น และในวันนั้นทางโรงเรียนมีกำหนดให้ปิดการเรียนการสอนเพื่อให้คณะครูและนักเรียนเตรียมการในการจัดงานซึ่งบุคลากรส่วนใหญ่จะออกเดินทางเชิญแขกให้มาร่วมงาน และมีบุคลากรทำการในโรงเรียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ในขณะนั้นเองเจ้าหน้าที่ได้กระจายกองกำลังเข้าไปในบริเวณโรงเรียนและเข้าตรวจค้นบ้านพักครูและชาวบ้านโดยไม่มีหมายค้นหรือหลักฐานใดที่บ่งบอกถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้มาเยือนในช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีกลุ่มกองกำลังติดอาวุธชุดหนึ่งเข้ามาในบริเวณสำนักงานโรงเรียน และในขณะนั้นมีครูนั่งทำงานในสำนักงานเพียงคนเดียวเท่านั้น เพียงเวลาไม่กี่นาทีที่ครูนั่งทำงานก็ได้มีเจ้าหน้าที่จูโจมเข้ามาโดยไม่รู้ตัวมาก่อนและข่มขู่ถามไถ่ถึงเรื่องต่างๆ รวมถึงให้โทรตามผู้บริหารทุกคน แต่การติดต่อในครั้งนั้นไม่ติดสักคน เจ้าหน้าที่ก็พยายามให้ติดต่อจนได้แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการติดต่อ ตามสัญชาตญาณของครูที่เป็นตัวแทนเจ้าบ้านในขณะนั้นก็เชิญต้อนรับอย่างมิตรไมตรีแต่คำตอบกลับไม่เป็นมิตรด้วยวาจาที่ไม่สุภาพ และพยายามเค้นให้โทรหาผู้บริหารอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ให้พูดอะไรใดๆทั้งสิ้น
และอีกกองกำลังหนึ่งได้ไปที่บ้านพักของผู้รับใบอนุญาต ซึ่งขณะนั้นมีนายอามีนูดีน และภรรยาพร้อมลูกสาววัย 1 ขวบ ของผู้รับใบอนุญาต ด้วยความปรารถนาดีของเจ้าบ้านนายอามีนูดีน ได้ออกมาต้อนรับ และได้ทักทายอย่างเป็นมิตรแต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่สนใจกับคำพูดใดๆทั้งสิ้นพยายามจะเข้าตรวจค้นบริเวณหอพักนักเรียนชายและนักเรียนหญิงโดยที่นายอามีนนูดีนพยายามไกล่เกลี่ย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ฟังแสดงพฤติกรรมที่ไร้มารยาท และได้จับตัวนายอามีนูดีนมาที่หน้าห้องสำนักงานโรงเรียนอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังรวบตัวครูผู้ชาย 1 คน นักเรียนชาย 2 คน มาที่หน้าสำนักงานโรงเรียน และไม่นานก็มีครูอับดลรอหมาน เข้ามาเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับโดนจับตัวโดยไร้เหตุผลโดยเจ้าหน้าที่เรียกดูบัตรประจำตัวประชาชนแต่เนื่องจากครูอับดลรอหมานไม่ได้พกมาเพราะเพิ่งเสร็จจากการทำไก่(เฉือดไก่)ที่บ้าน และได้สรุปดื้อๆว่าครูอับดลรอหมานไม่ใช่คนไทยซึ่งทำให้ครูอับดลรอหมานเจ็บปวดมากกับคำพูดนี้
ในระหว่างที่เหตุการณ์ชุลมุนอยู่นั้นเจ้าหน้าที่บางคนรวมถึงคนที่ใส่หน้ากาก (ไอ้โม่ง)ใช้คำพูดไม่สุภาพ แข็งกร้าวและข่มขู่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รวบตัวมารวมที่หน้าสำนักงาน เจ้าหน้าที่กองกำลังติดอาวุธก็ได้จับตัว (ทางราชการบอกว่าเชิญตัว) ผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่คิด (น่าจะ) เป็นไปตามความคิดของตัวเองที่คิดแบบไม่มีมูลเหตุที่ชัดเจน และไม่ได้แสดงตนว่าเป็นใคร หน่วยงานใด และไม่มีเอกสารยืนยันในการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ โดยบุคลากรที่ถูกจับตัวในครั้งนี้คือ
1. นายอับดลรอหมาน สอมัน ตำแหน่งครูสอนภาควิชาสามัญและหัวหน้าฝ่ายวิชาการสามัญ เลขบัตรประจำตัวประชาชน 39003 003 183 80 อยู่บ้านเลขที่ 45 ม.6 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา
2. นายอามีนูดีน กะจิ ตำแหน่งครูสอนภาควิชาศาสนา เลขบัตรประจำตัวประชาชน 39003 006 001 82 อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.7 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา
ความตึงเครียดของเหตุการณ์ทวีคูณขึ้นด้วยความไร้เดียงสาของชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อเห็นครูของตัวเองโดนจับขึ้นรถซึ่งไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ที่ไหน ก็อาสาตัวเองเพื่อที่จะไปพร้อมกับกองกำลังและนักโทษ (ที่คิดเอง) เพื่อสู่ทีที่ผู้บังคับรถพาไป
ประมาณ 45 นาที รถที่นำผู้ต้องสงสัย(ที่ว่า) เข้าไปจอดในหน่วยเฉพาะกิจที่ 43 อ.นาทวี และมีพี่น้องชาวบ้านไปสมทบอีกจำนวนพอประมาณ
เวลาประมาณ 18.00 น. ได้ปล่อยตัวนายอับดลรอหมาน สอมัน โดยยังคงรั้งตัวนายอามีนูดีน กะจิ ไว้ ญาติที่ติดตามไปด้วยได้เฝ้าสังเกตการณ์จนถึงเวลาประมาณ 21.00 น. จึงได้เดินทางกลับ
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลาประมาณ 14.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ไปรับตัวนายอามีนนูดีน กะจิ ที่ค่ายดังกล่าว แต่เมื่อไปถึงระหว่างทางญาติได้ไปโทรศัพท์ไปที่ค่ายว่านายอามีนูดีน กะจิเป็นอย่างไรบ้าง และได้รับคำตอบว่า "สบายดี" "กินข้าวแล้ว" จึงเอะใจ แล้วโทรศัพท์ไปถามที่ค่ายอิงคยุทธ์ฯ ได้รับคำตอบว่าเพิ่งมาถึง จึงกลับรถไปที่ค่ายอิงคยุทธ์ ฯ เมื่อไปถึงที่ค่ายอิงคยุทธ์ ปรากฏว่าถูกห้ามเข้าพบนายอามีนูดีน กะจิ
เวลาประมาณ 18.00 น. ญาติได้รับแจ้งว่านายอามีนูดีน กะจิ ถูกส่งตัวไปให้ตำรวจภาค 9 แต่นายอามีนูดีน กะจิยังอยู่ที่ค่ายอิงคยุทธ์
คำบอกเล่าจากอามีนูดีน กะจิ ผู้ถูกกระทำ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 22.15 นาที
ขณะอยู่ในค่าย ฉก.43 อ.นาทวี ถูกรุมทำร้ายร่างกายโดยเจ้าหน้าที่ 5 นาย ตั้งคำถามกลับไปกลับมา ทั้งซ้อม ทั้งเตะ เหยียบ ตบหู ครั้งที่ 1 ข้างซ้าย ผู้เสียหายบอกว่า " หูผมข้างซ้ายไม่ได้ยิน " เจ้าหน้าที่ พูดตอบกลับว่า " เดี๋ยวกูจะทำให้ไม่ได้ยินทั้ง 2 ข้าง " พร้อมตบหูอย่างรุนแรงทั้ง 2 ข้าง ข่มขู่ให้รับสารภาพคดียิงครูที่ตำบลสะพานไม้แก่น และคดีวางระเบิดที่บ้านน้ำเค็ม หมู่ 9 ตำบลบ้านนา และนายอามีนูดีน ได้กล่าวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
กลุ่มเจ้าหน้าที่ยังกล่าวหาผู้เสียหายว่าอยู่ในขบวนการ ฯ พร้อมเตะบริเวณเอวด้านหลังอย่างรุนแรงจนผู้เสียหายเองกระอัก หายใจไม่ออก ทั้งๆที่ผู้เสียหายได้บอกว่า " หายใจไม่ออก " เมื่อพูดจบประโยคเจ้าหน้าที่ก็ลงมือเหยียบคอซ้ำ และกระทำการอย่างนั้นเป็นจำนวน 3 ครั้ง ติดต่อกัน ตรงบริเวณเดิม และใช้ปืนจ่อหัว หนำซ้ำยังใช้มีดจี้บริเวณต้นคอด้วย
เจ้าหน้าที่ให้ผู้เสียหายให้เลือกระหว่าง 2 อย่าง 1 " มึงจะตายที่นี่ " หรือ " มึงจะตายข้างนอก " " ถ้ามึงจะตายข้างนอกกูจะให้ปืนแล้วมึงหนีให้พ้น " แต่ผู้เสียหายนิ่งเงียบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ใช้ผ้าห่มผูกปมขนาดใหญ่ทุบบนกะโหลกศีรษะประมาณ 50 ครั้ง .ใช้ถุงพลาสติกสวมหัวและรัดจนหายใจไม่ออก 3 ครั้ง ใช้มือบีบคอโดยสวมถุงมือ ระยะเวลาในการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. - 02.30 น.
และวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ถูกส่งตัวไปที่ค่ายอิงคยุทธ์
อาการเบื้องต้น
บริเวณคิ้วด้านซ้ายบวมช้ำ กะโหลกศีรษะช้ำ เกิดรอยช้ำบริเวณต้นแขน แผ่นหลัง ปวดบริเวณกะโหลก หูอื้อทั้ง 2 ข้าง
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 09.00 น. ญาติได้รับแจ้งให้ไปรับตัวนายอามีนูดีน กะจิ ที่ค่ายอิงคยุทธ์
ก่อนที่ญาติจะไปถึงทางเจ้าหน้าที่ได้ให้นายอามีน กะจิ กรอกเอกสารบางอย่างเพื่อส่งตัวไปสอบสวนที่อื่นต่อ แต่มีเจ้าที่ท่านหนึ่งทราบข่าวเสียก่อนจึงได้สั่งการให้รั้งตัวนายอามีนูดีน กะจิ ไว้จนญาติไปถึง
เวลาประมาณ 16.00 น. ญาติพร้อมนายอามีนูดีน กะจิ เดินทางกลับถึงอำเภอจะนะ และเข้าตรวจร่างกายเบื้องต้นที่โรงพยาบาลจะนะ ผลการตรวจประกฎว่าแก้วหูทะลุทั้ง 2 ข้าง และหู้อื้อมาก จึงทำหนังสือส่งตัวไปยังโรงเพยาบาลหาดใหญ่ จากนั้นจึงเข้าแจ้งความฟ้องร้องที่ สภ.อ.จะนะ โดยที่นายอำเภอจะนะ และผู้กำกับ สภ.อ.จะนะ ได้ลงความเห็นให้แจ้งที่ศูนย์ดำรงธรรมของอำเภอเป็นเบื้องต้น และได้เข้าไปแจ้งความที่ สภ.อ.จะนะและรับเรื่องไว้ หลังจากนั้นผู้กำกับ สภ.อ.จะนะก็ได้นำไปที่ สภ.อ.นาทวีเพื่อไปแจ้งความเพราะเหตุเกิดที่เขต สภ.อ.นาทวี
จากคำว่าคุณครู - อุซตาส - เจะฆู ที่เป็นคำนิยามใช้เรียกแทนชื่อคุณครูอับดลรอหมาน เจะฆูอามีนูดีน จากปากของนักเรียนและชาวบ้านเป็นคำเรียกแทนว่าผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องหา ใช้เรียกบุคลลทั้ง 2 แทน จากปากของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
ความเป็นครู ความเป็นแม่พิมพ์ของชาติต้องมลายสิ้นเมื่อมีเหตุการณ์เหล่านี้มาแทนที่ ขวัญและกำลังใจของผู้เป็นครูผู้ถ่ายทอดความรู้แก่เยาวชนของชาติก็หมดจากการกระทำที่ไร้ความเมตตาและสมานฉัน
55 ปี ของโรงเรียนรุ่งโรจน์นี้ได้สร้างคนให้เป็นมนุษย์ สร้างสังคมที่ทุกคนหวงแหนให้เป็นสังคมที่ทุกคนรักใคร่และสันติสุข สิ้นสลายและมลายสิ้นกับการกระทำที่ไร้ซึ่งเหตุและผลของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ยึดติดกับความคิดของบุคคลเพียงไม่กี่คนใช้อำนาจในการจู่โจมเพียงเวลาไม่กี่นาที
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเกือบจะเป็นเรื่องปกติในสังคมนี้ เมืองนี้ ความไม่บริสุทธิ์ใจ ความโหยหาซึ่งอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นชนวนตัวสำคัญที่ทำให้เกิดความไม่สงบและความรุนแรงในสังคมนี้
บางกลุ่มโหยหาซึ่งความสันติ ความสมานฉันท์นำไปสู่ความสงบสุขในบ้านเมือง แต่บางคนบางกลุ่มสร้างปัญหา สร้างความก้าวร้าว ความแตกแยกให้เกิดปมปัญหาที่ยากจะนำคนมาเยียวยาได้
บุกรุก จู่โจม บุกตรวจคนเพียงเวลาไม่กี่นาทีทำให้ความสงบสุขความไว้วางใจได้มลายสิ้นและไม่สามารถใช้เวลาไม่กี่นาทีเพื่อการเยียวยาได้
โรงเรียนรุ่งโรจน์วิทยาเป็นสถาบันการศึกษา ไม่ใช่สุ่มโจร สุ่มอั้งยี่ ตามที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองบางคนคิด ฉกคิดสักนิดว่าเราทุกคนก็คือคน สามัญชนธรรมดาที่ไม่ได้พาอะไรใดๆ ทั้งสิ้นมาจากท้องผู้เป็นมารดา แต่ทุกสิ่งที่ได้มาเพราะการสรรหาที่ทุกคนไขว่คว้าในพื้นแผ่นดินที่ให้ต้นกำเนิดนี้ทั้งสิ้น ขอความกรุณาและอนุเคราะห์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและมีอำนาจในบ้านเมืองใช้บรรทัดฐานในการตัดสินและดำเนินการตามแนวทางที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองให้มากที่สุด
ขอขอบคุณที่ทุกคนรักชาติบ้านเมือง
(นายนัสรูดิน กะจิ)
ผู้รับใบอนุญาต / ผู้จัดการโรงเรียนรุ่งโรจน์วิทยา
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่
- http://news.sanook.com/crime/crime_245820.php
- http://www.prachatai.com/05web/th/home/11121
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)