บ่อนอก-บางสะพาน-ทับสะแก เจอใบแดง ถูกประกาศเขตอัยการศึก ข้องใจ ฤๅอุ้มโรงถลุงเหล็ก ประจวบฯ

จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ประกาศกฎอัยการศึกเพิ่มเติมในบางพื้นที่ ซึ่งรวมถึงพื้นที่หลายอำเภอในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อาทิ บ่อนอด บ้านกรูด ทับสะแก บางสะพาน ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านคัดค้านการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กสหวิริยา ในพื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าพรุแม่รำพึง อ.บางสะพาน, คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทับสะแก อ.ทับสะแก พื้นที่อ.บ่อนอก และอ.เมือง

 

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การยุติธรรม การตำรวจและสิทธิมนุษยชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอดีตประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า กมธ.คงต้องหารือกันว่าจะทำอะไรได้บ้าง ไม่รู้ว่ามีความจำเป็นแค่ไหนที่ ครม.มีมติประกาศกฎอัยการศึกเพิ่มเติมในพื้นที่มีการเคลื่อนไหวของมวลชนเพื่อรักษาสิทธิของตนเองตามรัฐธรรมนูญ

 

"ผมจะนำเรื่องเข้าหารือกับ กมธ.ในสัปดาห์หน้าและจะสอบถามไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้องในฐานะที่คุ้นเคยกันอยู่ว่ามีเหตุผลอะไรในการดำเนินการดังกล่าว และ กมธ.จะหาทางช่วยดูแลในเรื่องนี้" น.ต.ประสงค์กล่าว

นางสุนี ไชยรส กรรมการ สิทธิมนุษยชน (กสม.) กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าพื้นที่ทั้งหมดดังกล่าวล้วนเป็นพื้นที่ความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับเอกชน ชาวบ้านกับรัฐ และชาวบ้านกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งสิ้น และอยู่ระหว่างการร้องเรียนหน่วยงานรับผิดชอบตามขั้นตอนอยู่

 

"ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ครม.ประกาศกฎอัยการศึกอีก เพราะไม่มีเหตุผลใดที่บอกว่าเหมาะสมเลย เพราะเป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของชาวบ้าน ที่ผ่านมาชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่เหล่านี้ ต่างก็แสดงสิทธิของตัวเองอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญทุกประการ ครม.จะต้องทบทวนการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ และประกาศเพิกถอนให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ใกล้กับการเลือกตั้งแบบนี้ด้วย ยิ่งไม่สมควรทำแบบนี้เลย"นางสุนีกล่าว

 

นางสุนีกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ทั้งกรมที่ดิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงตามขั้นตอน แต่รัฐบาลกลับมาประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่ริมทะเล ทั้งที่ก่อนหน้านี้อ้างว่าจะประกาศเฉพาะจังหวัดชายแดน ที่มีปัญหายาเสพติดและการหลบหนีเข้าเมืองเท่านั้น

 

นางสุนี ตั้งข้อสังเกตว่า การประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ อาจเกี่ยวข้องกับบริษัทเครือสหวิริยา ที่กำลังจะทำประชาพิจารณ์การก่อสร้างโรงถลุงเหล็กเพื่อยื่นขอให้ทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ทส.พิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) อีกรอบ เพราะก่อนหน้านี้มีหลักฐานชัดเจนว่า อีไอเอฉบับเก่าที่สผ.พิจารณาให้ผ่านแล้ว เมื่อชาวบ้านเข้าไปตรวจสอบกลับพบว่า มีความบกพร่องอยู่มาก มีข้อมูลไม่รอบด้าน และที่สำคัญคือไม่มีการทำประชาพิจารณ์ว่าชาวบ้านในพื้นที่มีความเห็นอย่างไร สผ.จึงตีกลับมาให้ทำเพิ่มเติม

 

"หากรัฐบาลประกาศอัยการศึกออกมาเพิ่มเติมในพื้นที่ที่ชาวบ้านยงแสดงสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ชุมนุมคัดค้านโครงการขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และชุมชนเช่นนี้ เท่ากับว่ารัฐบาลปิดกั้นการแสดงออกของชาวบ้านอย่างชัดเจนและเท่ากับเป็นการสนับสนุนนายทุนและโครงการของรัฐให้มีการทำลายสภาพแวดล้อม ชุมชน เกรงว่าหากใครต้องการจะให้กฎอะไรออกมาเพื่อบังคับชาวบ้านชุมชน ตามใจชอบก็จะทำได้หมด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎอัยการศึกที่ประกาศเพิ่มเติมออกมา และสผ.เองก็ไม่ควรพิจารณาอีไอเอสที่ไม่มีความชอบธรรม ในสถานการณ์แบบนี้ด้วย" นางสุนีกล่าว

 

ด้านนางจินตนา แก้วขาว แกนนำชาวบ้านบ้านกรูด กล่าวว่า พื้นที่ที่ประกาศเพิ่มเติมนั้น เป็นพื้นที่ที่ชายทะเลเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านกำลังได้รับความเดือดร้อนจากโครงการพัฒนาของรัฐ จากโครงการของนายทุน ที่รุกรานทำลายทรัพยากรธรรมชาติชุมชนแทนที่รัฐจะเป็นผู้เข้ามาปกป้องทรัพย์สมบัติของชาติของประชาชน แต่รัฐกลับออกกฎอัยการศึกเพิ่มเติมเพื่อปกป้องนายทุน ลิดรอนสิทธิที่ชาวบ้านปกป้องดูแลทรัพยากรของท้องถิ่น

 

"สัปดาห์ที่ผ่านมา มีตำรวจ ทหารเต็มพื้นที่ไปหมดอีกทั้งมีทหารยศนายพลคนหนึ่งไปแสดงตัวในงานทำประชาพิจารณ์ ที่โรงถลุงเหล็กสหวิริยาจัดขึ้นด้วย น่าสงสัยว่าเวลานี้เกิดอะไรขึ้นกับชาวบ้านที่ต้องการปกป้องทรัพยากรในพื้นที่ของตัวเอง และที่สำคัญรู้สึกเสียขวัญกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำกับประชาชน"นางจินตนา

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด, เว็บไซต์มติชน

 

 

 

มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 27 พฤศจิกายน 2550

เรื่อง การยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึก

 

 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป

 

 ร่างประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ มีสาระสำคัญดังนี้

 

 

ข้อ 1 ให้เลิกใช้กฎอัยการศึกในเขตพื้นที่ตามที่ระบุไว้ในข้อ 2 แห่งประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2550 นอกจากเขตพื้นที่ ดังต่อไปนี้

 

 (1) จังหวัดกาญจนบุรี เฉพาะอำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอทองผาภูมิ อำเภอไทรโยค อำเภอ ศรีสวัสดิ์ อำเภอสังขละบุรี และตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี

 

 (2) จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว

 

 (3) จังหวัดเชียงราย เฉพาะอำเภอขุนตาล อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน อำเภอเทิง อำเภอพญาเม็งราย อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่สาย และอำเภอเวียงแก่น

 

 (4) จังหวัดเชียงใหม่ เฉพาะอำเภอเชียงดาว อำเภอไชยปราการ อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย อำเภอเวียงแหง และอำเภอออมก๋อย

 

 (5) จังหวัดตราด เฉพาะอำเภอเกาะกูด อำเภอเกาะช้าง อำเภอคลองใหญ่ อำเภอบ่อไร่ อำเภอแหลมงอบ และอำเภอเมืองตราด

 

 (6) จังหวัดตาก เฉพาะอำเภอท่าสองยาง อำเภอพบพระ อำเภอแม่ระมาด อำเภอแม่สอด อำเภอวังเจ้า และอำเภออุ้มผาง

 

 (7) จังหวัดนราธิวาส ทุกอำเภอ

 

 (8) จังหวัดน่าน เฉพาะอำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอทุ่งช้าง อำเภอบ่อเกลือ อำเภอปัว อำเภอแม่จริม และอำเภอสองแคว

 

 (9) จังหวัดบุรีรัมย์ เฉพาะอำเภอโนนดินแดน อำเภอบ้านกรวด อำเภอปะคำ และอำเภอละหานทราย

 

 (10) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะตำบลสามกระทาย และตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี ตำบลเขาล้าน ตำบลนาหูกวาง ตำบลห้วยยาง และตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก ตำบลชัยเกษม ตำบลทองมงคล และตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน ตำบลช้างแรก และตำบลไชยราช อำเภอบางสะพานน้อย ตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี ตำบลไร่เก่า ตำบลศาลาลัย และตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน ตำบลเกาะหลัก ตำบลคลองวาฬ ตำบลห้วยทราย และตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์

 

 (11) จังหวัดปัตตานี ทุกอำเภอ

 

 (12) จังหวัดพะเยา เฉพาะอำเภอเชียงคำและอำเภอภูซาง

 

 (13) จังหวัดพิษณุโลก เฉพาะอำเภอชาติตระการและอำเภอนครไทย

 

 (14) จังหวัดเพชรบุรี เฉพาะอำเภอแก่งกระจานและอำเภอหนองหญ้าปล้อง

 

 (15) จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทุกอำเภอ

 

 (16) จังหวัดยะลา ทุกอำเภอ

 

 (17) จังหวัดระนอง เฉพาะอำเภอกระบุรี อำเภอกะเปอร์ อำเภอละอุ่น และตำบลทรายแดง ตำบลปากน้ำ และตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง

 

 (18) จังหวัดเลย เฉพาะอำเภอเชียงคาน อำเภอด่านซ้าย อำเภอท่าลี่ อำเภอนาแห้ว อำเภอ ปากชม และอำเภอภูเรือ

 

 (19) จังหวัดศรีสะเกษ เฉพาะอำเภอกันทรลักษ์ อำเภอขุขันธ์ อำเภอขุนหาญ อำเภอเบญจลักษณ์ และอำเภอภูสิงห์

 

 (20) จังหวัดสตูล เฉพาะอำเภอควนโดน อำเภอท่าแพ อำเภอละงู และตำบลเกตรี ตำบล คลองขุด ตำบลตำมะลัง และตำบลปูยู อำเภอเมืองสูตล

 

 (21) จังหวัดสงขลา เฉพาะอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี อำเภอสะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย

 

 (22) จังหวัดสระแก้ว เฉพาะอำเภอคลองหาด อำเภอโคกสูง อำเภอตาพระยา อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอวังสมบูรณ์ อำเภอวัฒนานคร และอำเภออรัญประเทศ

 

 (23) จังหวัดสุรินทร์ เฉพาะอำเภอกาบเชิง อำเภอบัวเชด อำเภอพนมดงรัก อำเภอศรีณรงค์ และอำเภอสังขะ

 

 (24) จังหวัดอำนาจเจริญ เฉพาะอำเภอชานุมานและอำเภอปทุมราชวงศา

 

 (25) จังหวัดอุตรดิตถ์ เฉพาะอำเภอน้ำปาด อำเภอบ้านโคก และอำเภอฟากท่า

 

 (26) จังหวัดอุบลราชธานี เฉพาะอำเภอเขมราฐ อำเภอโขงเจียม อำเภอนาจะหลวย อำเภอนาตาล อำเภอน้ำขุ่น อำเภอน้ำยืน อำเภอบุญฑริก อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอโพธิ์ไทร อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอสิรินธร

 

 

ข้อ 2 ให้ใช้กฎอัยการศึกในเขตพื้นที่ ดังต่อไปนี้

 

 (1) จังหวัดกาญจนบุรี เฉพาะตำบลเกาะสำโรง ตำบลแก่งเสี้ยน ตำบลช่องสะเดา ตำบลตลาดหญ้า ตำบลท่ามะขาม ตำบลบ้านใต้ ตำบลบ้านเหนือ ตำบลปากแพรก ตำบลวังด้ง ตำบลวังเย็น ตำบลหนองบัว และตำบลหนองหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี

 

 (2) จังหวัดนครพนม เฉพาะอำเภอท่าอุเทน อำเภอธาตุพนม อำเภอนาแก อำเภอบ้านแพง และอำเภอเมืองนครพนม

 

 (3) จังหวัดน่าน เฉพาะอำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา และอำเภอสันติสุข

 

 (4) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะตำบลกุยบุรี ตำบลกุยเหนือ ตำบลเขาแดง และตำบลดอนยายหนู อำเภอกุยบุรี ตำบลทับสะแก และตำบลแสงอรุณ อำเภอทับสะแก ตำบลกำเนิดนพคุณ ตำบลธงชัย ตำบล พงศ์ประศาสน์ และตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน ตำบลทรายทอง ตำบลบางสะพาน และตำบลปากแพรก อำเภอสะพานน้อย ตำบลเขาน้อย ตำบลปราณบุรี ตำบลปากน้ำปราณ ตำบลวังก์พง และตำบลหนองตาแต้ม อำเภอ ปราณบุรี ตำบลไร่ใหม่ และตำบลสามร้อยยอด อำเภอสามร้อยยอด ตำบลทับใต้ ตำบลบึงนคร ตำบลหนองพลับ และตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน และตำบลบ่อนอก และตำบลประจวบ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์

 

 (5) จังหวัดมุกดาหาร เฉพาะอำเภอดงหลวง อำเภอดอนตาล อำเภอหว้านใหญ่ และอำเภอเมืองมุกดาหาร

 

 (6) จังหวัดระนอง เฉพาะอำเภอสุขสำราญ และตำบลเกาะพยาม ตำบลเขานิเวศน์ ตำบล บางนอน ตำบลบางริ้น ตำบลหาดส้มแป้น และตำบลหงาว อำเภอเมืองระนอง

 

 (7) จังหวัดสตูล เฉพาะอำเภอทุ่งหว้า และตำบลเกาะสาหร่าย ตำบลควนขัน ตำบลควนโพธิ์ ตำบลเจ๊ะบิลัง ตำบลฉลุง ตำบลตันหยงโป ตำบลบ้านควน และตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล

 

 (8) จังหวัดหนองคาย เฉพาะอำเภอท่าบ่อ อำเภอบึงกาฬ อำเภอบึงโขงหลง อำเภอบุ่งคล้า อำเภอปาดคาด อำเภอโพนพิสัย อำเภอรัตนวาปี อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอสังคม และอำเภอเมืองหนองคาย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท