Skip to main content
sharethis

รายงานพิเศษจาก Stateline สื่อที่เกาะติดประเด็นท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา ชี้ว่าแม้คนรุ่นใหม่จะเกิดและเติบโตมาในยุคดิจิทัล แต่หลายต่อหลายคนไม่สามารถแยกแยะข้อมูลเท็จและวิดีโอปลอมที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในฟีดโซเชียลมีเดีย ทำให้หลายรัฐในสหรัฐฯ ตระหนักถึง 'ทักษะการรู้เท่าทันสื่อ' ของเด็ก ๆ ผ่านการสอนในโรงเรียนของรัฐ

ที่มาภาพประกอบ: Wallpaper Flare (CC)

Stateline สื่อที่เกาะติดประเด็นท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา รายงานเมื่อเดือน ม.ค. 2024 ว่า คนรุ่นใหม่จะเกิดและเติบโตมาในยุคดิจิทัล แต่หลายต่อหลายคนไม่สามารถแยกแยะข้อมูลเท็จและวิดีโอปลอม (deepfakes) ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในฟีดโซเชียลมีเดียของพวกเขา

หลายรัฐมองว่าพวกเขามีทางแก้ไขด้วย "การศึกษาทักษะการรู้เท่าทันสื่อ" (media literacy education)

เป้าหมายของทักษะการรู้เท่าทันสื่อ ซึ่งบางครั้งเรียกว่า "การเป็นพลเมืองดิจิทัล" หรือ "การรู้เท่าทันข้อมูล" คือการช่วยให้นักเรียนคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณเกี่ยวกับข่าวสาร  ผู้มีทักษะการรู้เท่าทันสื่อยังควรสามารถแยกแยะข้อเท็จจริงจากเรื่องข่าวลือทางการเมือง โฆษณา รายการโทรทัศน์ และโพสต์บนโซเชียลมีเดีย

สิ่งสำคัญที่สุด คนรุ่นใหม่ควรสามารถสรุปได้ว่าทำไมใครบางคนถึงโพสต์วิดีโอ Instagram Reel หรือ TikTok และชั่งน้ำหนักผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการแชร์โพสต์เหล่านั้นต่อ

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รัฐต่าง ๆ รวมถึงแคลิฟอร์เนีย เดลาแวร์ อิลลินอยส์ นิวเจอร์ซีย์ และเท็กซัส ได้ตรากฎหมายที่กำหนดให้นักเรียนโรงเรียนรัฐบาลเรียนรู้ทักษะการรู้เท่าทันสื่อ แม้จะได้รับเสียงวิพากษ์จากนักวิชาการอนุรักษ์นิยมบางคน แต่ทั้งหมดก็ได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน

"เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง สังคมก็ต้องเปลี่ยนแปลง และส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนั้นคือการเปลี่ยนแปลงการศึกษา" มาร์ค เบอร์แมน (Marc Berman) สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐแคลิฟอร์เนียจากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกฎหมายใหม่ของรัฐเมื่อปี 2023 กล่าว

เบอร์แมน ชี้ไปที่เหตุการณ์โจมตีรัฐสภาสหรัฐฯ ในปี 2021 ซึ่งเกิดขึ้นจากการปล่อยข่าวลือที่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ชนะการเลือกตั้งในปี 2020 รวมถึงทฤษฎีสมคบคิดต่อต้านวัคซีน และการปฏิเสธความจริงเรื่องการสังหารชาวยิว เหล่านี้เป็นผลที่ตามมาจากการขาดทักษะการรู้เท่าทันสื่อ

แต่การส่งเสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อในสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่แบ่งขั้วมากขึ้น กลายเป็นความท้าทายที่ "ยุ่งยาก" พอล มิไฮลิดิส (Paul Mihailidis) อาจารยภาควิชาสื่อมวลชนและสื่อออนไลน์ที่ Emerson College ในบอสตันกล่าว

"มันเกี่ยวข้องกับการเมืองในทางใดทางหนึ่ง" มิไฮลิดิส กล่าว "เมื่อคุณสอนผู้คนถึงวิธีตรวจจับข้อมูลเท็จ และวิธีสำรวจพื้นที่ออนไลน์ต่าง ๆ มันอาจทำให้ผู้คนมองเนื้อหาบางอย่างไปทางหนึ่ง เนื้อหาบางอย่างไปอีกทางหนึ่ง"

กฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย กำหนดให้หน่วยงานการศึกษาของรัฐรวมความรู้ด้านสื่อไว้ในหลักสูตรสำหรับ 4 วิชาหลัก ได้แก่ ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และสังคม เมื่อรัฐปรับปรุงหลักสูตรใหม่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการปรับปรุงหลักสูตร

เบอร์แมน ยอมรับว่าปัญหาการขาดแคลนงบประมาณ 38 พันล้านดอลลาร์ฯ ของรัฐแคลิฟอร์เนีย อาจทำให้การจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับโครงการส่งเสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อนั้นยุ่งยาก แต่ยืนยันว่าการทำเช่นนั้นคือ “สิ่งจำเป็นที่เราต้องทำ”

คนรุ่นใหม่ ๆ เติบโตมาพร้อมกับโซเชียลมีเดีย แต่โซเชียลมีเดียเองก็มีการพัฒนาไปพร้อมกับการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จและข้อมูลที่บิดเบือน – นอกจากนี้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังมีศักยภาพที่จะทำให้สถานการณ์นี้เลวร้ายลงไปอีก อัลวิน ลี (Alvin Lee) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 แห่งมหาวิทยาลัย Stanford และผู้อำนวยการบริหารของกลุ่ม GENup ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาที่รณรงค์ผลักดันให้เกิดมาตรการนี้ในแคลิฟอร์เนียกล่าว

ลี ผู้กำลังศึกษาสาขารัฐศาสตร์และมีความใฝ่ฝันที่จะทำงานด้านนโยบายการศึกษา กล่าวว่า “มันไม่ใช่แค่เรื่องของการเข้าใจว่าอะไรจริงไม่จริงบนโซเชียลมีเดีย มันเกี่ยวกับการเป็นพลเมืองที่มีความรอบรู้”

แต่สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐแคลิฟอร์เนียบางคนจากพรรครีพับลิกันและนักคิดสายอนุรักษ์นิยม ให้ความเห็นต่อร่างกฎหมายส่งเสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อนี้ว่ามีคลุมเครือและส่งเสริมแนวคิด “ตื่นรู้” ที่บางหลักสูตรเสนอแนะให้สังคมมีความเท่าเทียมมากขึ้น ว่าพวกเขากังวลว่าบางมาตรการจะไปลดทอนความสามารถของผู้ปกครองในการปลูกฝังค่านิยมของตนเองให้กับลูก ๆ

จอห์น ดี. เซเลอร์ (John D. Sailer) สมาชิกอาวุโสจาก National Association of Scholars ซึ่งเป็นกลุ่มปัญญาชนสายอนุรักษ์นิยม เขียนบทความลงใน City Journal เมื่อปี 2021 ว่า “การรู้เท่าทันสื่อเชิงวิพากษ์ (Critical media literacy) มุ่งไปที่การบ่อนทำลายสถาบันหลักของสังคมทุนนิยมตะวันตก การเปลี่ยนแปลงสังคมเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน”

ความพยายามร่วมกันของทั้ง 2 พรรคการเมือง

รัฐวอชิงตันมีแนวโน้มที่จะผ่านกฎหมายจากผู้สนับสนุนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในปี 2024 นี้ ซึ่งจะอนุมัติงบประมาณให้กับโรงเรียน เพื่อให้พวกเขาสามารถประเมินและปรับปรุงหลักสูตรทักษะการรู้เท่าทันสื่อ ทั้งนี้ตัวเลขงบประมาณที่แน่นอนจะได้รับการพิจารณาในภายหลัง

นับตั้งแต่มีการบังคับใช้กฎหมายในปี 2016 โรงเรียนของรัฐวอชิงตันได้บรรจุความรู้ด้านทักษะการรู้เท่าทันสื่อไว้ในหลักสูตรต่าง ๆ หากผ่านมาตรการล่าสุดนี้ ก็จะช่วยส่งเสริมการศึกษาในเรื่องนี้ มาร์โก ลิอาส (Marko Liias) สว.ของรัฐวอชิงตัน จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนร่างกฎหมายที่ผ่านวุฒิสภาของรัฐเมื่อเดือน มี.ค. 2023 กล่าว

ร่างกฎหมายดังกล่าวจะจัดสรรเงินช่วยเหลือสำหรับครูที่ได้รับการฝึกอบรมทักษะการรู้เท่าทันสื่อ สภาของรัฐวอชิงตันมีกำหนดจะอภิปรายเรื่องนี้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เช่นเดียวกับในรัฐอื่น ๆ ร่างกฎหมายทำนองเดียวกันนี้ได้รับการสนับสนุนจากทั้ง 2 ฝ่ายอย่างแข็งขัน

“นี่เป็นความพยายามที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันร่วมมือกัน เราต้องมั่นใจว่านักเรียนจะมีภูมิคุ้มกันในการรับมือกับเทคโนโลยีและข้อมูล" ลิอาส กล่าว "นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเรา"

มี สว.ของรัฐวอชิงตันจากพรรครีพับลิกันเพียง 4 จาก 20 คน เท่านั้นที่คัดค้านมาตรการนี้ จิม แมคคูน (Jim McCune) หนึ่งใน สว.ที่ไม่เห็นด้วย กล่าวว่าร่างกฎหมายนี้มีคำถามที่ยังไม่มีคำตอบหลายอย่าง

"มันเป็นหน้าที่อีกอย่างของการศึกษา" แมคคูน บอกกับ Stateline "คนส่วนใหญ่เรียนรู้ทักษะการใช้สื่อในชีวิตประจำวัน แต่ร่างกฎหมายนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะสอนอะไร โรงเรียนทั่วรัฐวอชิงตันอยู่ในภาวะล้มเหลวอยู่แล้ว"

แมคคูนเสริมว่าถ้าหากนักเรียนต้องการความช่วยเหลือในการระบุว่าข้อมูลใดเท็จในโลกออนไลน์ พวกเขาควรจะถามพ่อแม่ของพวกเขา

แต่อีริน แมคนีล (Erin McNeill) ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Media Literacy Now องค์กรไม่แสวงผลกำไรในแมสซาชูเซตส์ ซึ่งผลักดันให้สภานิติบัญญัติของรัฐต่าง ๆ เพิ่มหน้าที่และงบประมาณสำหรับความพยายามนี้ โต้แย้งความเห็นของแมคคูน โดยชี้ว่าเป็นการพลาดประเด็นสำคัญของการศึกษาทักษะการรู้เท่าทันสื่อ

"ทักษะการรู้เท่าทันสื่อ เกี่ยวกับการเรียนรู้ที่จะตั้งคำถาม มันไม่เคยเกี่ยวกับการบอกนักเรียนว่าแหล่งข้อมูลใดถูกต้อง" เธอกล่าว "พวกเขาจะไม่ได้รับทักษะใด ๆ ด้วยวิธีการนั้นเลย"

ตามข้อมูลของ Media Literacy Now พบว่าอย่างน้อย 19 รัฐ มีการศึกษาทักษะการรู้เท่าทันสื่อในโรงเรียนรัฐของตน  มีร่างกฎหมายที่ดำเนินการอยู่ในอินเดียนา แมสซาชูเซตส์ มิสซูรี นิวแฮมเชียร์ และโอคลาโฮมา โดยมีผู้สนับสนุนทั้งจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครต

การสอนทักษะการรู้เท่าทันสื่อในทางปฏิบัติ

ที่มาภาพประกอบ: PtboCanada (CC)

เมื่อนักเรียนมัธยมต้นในชั้นเรียนของซาบา เพรสลีย์ (Saba Presley) เรียนรู้สเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าในชั้นเรียนวิทยาศาสตร์แบบผสมผสานของเธอที่โรงเรียน Mountain Mahogany Community ในเมืองอัลบูเคอร์คี (Albuquerque) รัฐนิวเม็กซิโก เธอจะสอดแทรกทักษะการรู้เท่าทันสื่อเข้าไปด้วย

ในขณะที่นักเรียนเกรด 6, 7 และ 8 เรียนรู้ความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน เพรสลีย์จะขอให้พวกเด็ก ๆ ตรวจสอบเทคนิคการโน้มน้าวใจที่สื่อมวลชนใช้เพื่อดึงดูดผู้บริโภคพร้อมกัน จากนั้น โดยการใช้เครื่องช่วยจำที่นักเรียนของเธอสร้างขึ้นเพื่อจดจำสเปกตรัมระหว่างรังสีแกมมาและคลื่นวิทยุ พวกเขาจะต้องทำโปสเตอร์และโฆษณาเพื่อโน้มน้าวเพื่อนร่วมชั้นเรียนว่าวิธีการของพวกเขาดีที่สุด

ตัวอย่างเช่น ในโปสเตอร์หนึ่ง นักเรียนใช้ตัวพิมพ์ใหญ่เป็นตัวแรกของแต่ละความยาวคลื่น: “Gentlefolks, eXcessive Usage of Vegemite Is Majorly Robotic” โปสเตอร์ยังระบุไว้ที่ด้านล่างว่า “เครื่องช่วยจำที่ดีที่สุดในการจำความยาวคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เว้นแต่คุณจะเป็นชาวออสเตรเลีย” โปสเตอร์ยังแสดงภาพหุ่นยนต์ทาเวจิมายด์บนขนมปังปิ้ง

เพรสลีย์ กล่าวว่าบทเรียนนี้ได้รับความนิยมจากนักเรียน

“ถ้าคุณสอนนักเรียนว่าเทคนิคการโน้มน้าวใจหรือการชักจูงเหล่านี้ใช้ในสื่ออย่างไร และสอนให้พวกเขาใช้มัน พวกเขาก็จะสามารถจับตาดูมันได้” เพรสลีย์ กล่าว “มันไม่ใช่แค่การทำความเข้าใจข้อมูลเท่านั้น แต่ต้องรู้จักตั้งข้อสังเกตด้วย”

ตลอดระยะเวลา 6 ปี ของการสอนวิทยาศาสตร์ให้นักเรียนมัธยม เธอสังเกตเห็นว่าการมีส่วนร่วมกับสื่อของเด็ก ๆ พุ่งสูงขึ้น แต่เธอกลับพบว่าว่าพวกเขากำลังกลายเป็น “ผู้บริโภคที่เฉื่อยชา” เด็ก ๆ ต่างเชื่อสิ่งที่พวกเขาเห็นบน TikTok หรือการค้นหาบน Google โดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่ผู้สร้างสื่อนั้น ๆ อาจได้รับประโยชน์จากการโน้มน้าวใจพวกเขา

เพรสลีย์ ออกแบบแผนการเรียนการสอนของเธอขึ้นหลังจากเข้าร่วมอบรมหลักสูตรพัฒนาตนเองระดับมืออาชีพ 7 เดือน ที่จัดโดย Media Savvy Citizens ในปี 2022 การอบรมซึ่งเสนอให้กับครูระดับมัธยมทั่วรัฐนิวเม็กซิโกนี้ได้กระตุ้นให้ครูบูรณาการทักษะการรู้เท่าทันสื่อเข้ากับหลักสูตรที่มีอยู่ แทนที่จะเป็นหลักสูตรแยกต่างหาก

อย่างไรก็ตามเพรสลีย์ ลังเลเล็กน้อยเมื่อถูกถามว่าการศึกษาทักษะการรู้เท่าทันสื่อควรเป็นการศึกษาภาคบังคับหรือไม่ ถ้าหากวันหนึ่งรัฐนิวเม็กซิโกกำหนดให้นักเรียนต้องเรียน ครูควรได้รับการฝึกอบรมเชิงลึกและมีทรัพยากรเพื่อบูรณาการบทเรียนเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ เธอกล่าวว่า “พวกครูมักถูกคาดหวังให้ทำอะไรมากมายอยู่แล้ว"

งานศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2021 โดย Rand Corporation ระบุว่าในขณะที่การเรียนรู้ทักษะการรู้เท่าทันสื่อได้รับการสอนในโรงเรียนส่วนใหญ่ทั่วประเทศ แต่ก็พบว่ามีความไม่เท่าเทียมและ “แตกต่างกันอย่างมาก” ครูยังรายงานว่าพวกเขาขาดทรัพยากรและการฝึกอบรมในการสอนอยู่บ่อยครั้ง

อลิซ ฮิวเกวต (Alice Huguet) นักวิจัยของ Rand Corporation หนึ่งในผู้เขียนงานศึกษาชิ้นนี้กล่าวว่าการนำไปใช้นั้นไม่แน่นอน ซึ่งอาจส่งผลต่อความไม่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนที่ขาดแคลนทรัพยากร การออกกฎหมายนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่การนำไปใช้คือการพิสูจน์ว่ากฎหมายมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่

“แม้กระทั่งภายในรัฐเดียวกัน เราก็เห็นว่าครูมีประสบการณ์ที่แตกต่างกันมากเกี่ยวกับการสอนทักษะการรู้เท่าทันสื่อ” ฮิวเกวต ระบุ “ในขณะที่ฉันคิดว่าการศึกษาควรปรับให้เข้ากับบริบทในระดับหนึ่ง การปล่อยให้อาชีพสำคัญเช่นนี้เปิดกว้างสำหรับการตีความนั้นเป็นเรื่องเสี่ยง”

ในรัฐอิลินอยส์ นักเรียนมัธยมปลายทุกคนต้องเรียนทักษะการรู้เท่าทันสื่อ แต่พวกเขาสามารถเรียนได้หลากหลายรูปแบบ ยอนตี ไฟรเซม (Yonty Friesem) รองศาสตราจารย์ด้านการสื่อสารที่ Columbia College Chicago ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมนักการศึกษาที่พัฒนาแหล่งข้อมูลและหลักสูตรด้านทักษะการรู้เท่าทันสื่อสำหรับโรงเรียนมัธยมในอิลินอยส์กล่าว

เขาชี้ไปที่ตัวอย่างเช่น ครูคนหนึ่งสอนการตรวจสอบประวัติศาสตร์ของเพลงฮิปฮอป โดยให้นักเรียนประเมินเพลงแร็พจากยุค 80 และเปรียบเทียบกับเพลงที่พวกเขาฟังในปัจจุบัน ครูอีกคนขอให้นักเรียนในคาบเรียนวิทยาศาสตร์ของเธอพิจารณาว่าใครควรเขียนคำแนะนำการทดลองและประเมินกลุ่มเป้าหมาย

“เนื่องจากเราใช้สื่อในทุกส่วนของชีวิต มันไม่ควรแยกจากกัน” ไฟรเซม กล่าว “เราต้องมีทักษะการเรียนรู้เหล่านั้นหลากหลายสาขา”

 

ที่มา:
Kids are flooded with social media and news. Some states want to help them question it (Matt Vasilogambros, Stateline, 19 Jauary 2024)

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net